จาก Automobile สู่ Mobility: ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบและระบบขับขี่ปลอดภัย

จาก Automobile สู่ Mobility: อัปเดตความก้าวหน้าของระบบขับขี่ปลอดภัย

อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 2566
  • Share :
  • 3,000 Reads   

เป็นที่ทราบกันว่า ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Autonomous Vehicle) นั้นยังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งจะมีการปรับใช้ในรถสาธารณะก่อน อย่างไรก็ตาม รถยนต์ส่วนตัวจะมีระบบขับขี่ปลอดภัย ADAS ที่ก้าวหน้ามากขึ้น

Advertisement

วันที่ 19 กรกฎาคม 2023 สถาบันวิจัยยานยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น โดยนาย Minoru Kamata ผู้อำนวยการสถาบัน ได้กล่าวถึงความก้าวหน้าของระบบขับขี่ปลอดภัย ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของยานยนต์ (Automobile) สู่การเคลื่อนที่ (Mobility) 

สำหรับการสนับสนุนการขับขี่นั้นพัฒนาขึ้นจากโครงการยานยนต์เพื่อความปลอดภัยขั้นสูง หรือ Advanced Safety Vehicle (ASV) ของกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น โดยมีหัวข้อหลักในเรื่องการเบรกอัตโนมัติ ในขั้นต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสียหายด้วยการหยุดรถแบบกะทันหันโดยอัตโนมัติก่อนที่จะเกิดการชน แต่วอลโว่ทำให้ญี่ปุ่นได้รู้จักการหลีกเลี่ยงการชน จากนั้นกระแสดังกล่าวก็พัฒนาไปไกล

นอกจากนี้ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ยังล้ำหน้า ซึ่งได้รับการปรับปรุงจนถึงจุดที่รถสามารถปรับความเร็วได้โดยอัตโนมัติตามความเร็วของรถคันข้างหน้า อีกทั้งระบบรักษาช่องทางเดินรถโดยเฉพาะบนทางหลวงที่ได้รับความนิยม ระบบเหล่านี้ช่วยให้รถอยู่ในเลนโดยอัตโนมัติ ไปจนถึงการพัฒนาระบบที่ตอบสนองต่อการใช้แป้นเหยียบผิด ซึ่งช่วยป้องกันการเร่งความเร็วโดยไม่ได้ตั้งใจ 

และจากระบบเบรกอัตโนมัติที่เดิมออกแบบมาเพื่อป้องกันการชน ระบบนี้กำลังขยายให้ครอบคลุมคนเดินถนนและจักรยาน สถานการณ์กลางคืน และแม้แต่ทางแยก สิ่งนี้บ่งชี้ว่าระบบเบรกอัตโนมัติมีความสามารถที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น

ยานยนต์ที่มีฟังก์ชันดังกล่าวได้เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ มียานยนต์ที่มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยขั้นสูง และระบบเงินอุดหนุนได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อจูงใจให้นำคุณลักษณะด้านความปลอดภัยเหล่านี้ไปใช้ ส่งผลให้ปัจจุบันยานยนต์ใหม่เกือบทั้งหมดมีฟังก์ชันประเภทนี้

เชื่อกันว่ามาตรการเหล่านี้ช่วยลดจำนวนอุบัติเหตุเล็กน้อยได้อย่างมาก แต่ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่าจะมีการหยุดทำงานและทำงานผิดปกติจำนวนหนึ่ง สิ่งสำคัญคืออย่าสันนิษฐานว่ามาตรการไม่มีข้อบกพร่องหรือนำไปใช้อย่างเปิดกว้าง

นาย Minoru Kamata ได้แสดงความคาดหวังต่อการขยายฟังก์ชันเพิ่มเติมในอนาคต ปัจจุบันการรักษาช่องทางเดินรถมักทำในช่วงความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป แต่หากทำได้ในช่วงความเร็วที่ต่ำลงก็จะสามารถลดจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดจากการบังคับเลี้ยวไม่ถูกวิธีซึ่งพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ นอกจากนี้ หากสามารถหยุดรถได้อย่างถูกต้องที่ทางแยกหยุดรถ ก็จะนำไปสู่การลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการปะทะโดยไม่มีการหยุดรถ

เพื่อปรับปรุงฟังก์ชันดังกล่าว จำเป็นต้องปรับปรุงการรับรู้ของสภาพแวดล้อมบนท้องถนนด้วยเซนเซอร์และกล้อง รวมถึงการใช้งานแอคชูเอเตอร์ ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีทั้งระบบขับขี่ปลอดภัยและระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบกำลังก้าวหน้า การเพิ่มฟังก์ชันการทำงานทำให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่ถ้าฟังก์ชันสนับสนุนการขับขี่ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เราสามารถคาดหวังต้นทุนที่ต่ำลงได้ผ่านการผลิตจำนวนมาก

 

#Mobility #AutonomousVehicles #ADAS #Japan #Mreport #ข่าวอุตสาหกรรม

 

ที่มา: Nikkan Kogyo Shimbun

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH