มิตซูบิชิ มอเตอร์ส รายงานผลประกอบการปีงบประมาณ 2560

อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 2561
  • Share :

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประกาศผลประกอบการปีงบประมาณ 2560 ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา และเปิดเผยการคาดการณ์แนวโน้มในปีงบประมาณ 2561 ที่จะสิ้นสุดลงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2562  โดย  มร. โอซามุ มาสุโกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ได้กล่าวว่า
 
“ในปีงบประมาณ 2560 ซึ่งเป็นปีแรกของการดำเนินงานตามแผนธุรกิจระยะกลางของบริษัทฯ นั้น นับได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเยี่ยม เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ แม้เป้าหมายจะได้รับการปรับให้ท้าทายยิ่งขึ้นในระหว่างปีงบประมาณดังกล่าว อีกทั้งเรายังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ได้แก่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ และ มิตซูบิชิ อีคลิปส์ ครอสส์”

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส มียอดจำหน่ายสุทธิรวม 2.19 ล้านล้านเยน (ประมาณ 640,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2559 และมีผลกำไรจากการดำเนินงานพุ่งสูงขึ้นถึงระดับ 98,200 ล้านเยน (ประมาณ 28,700 ล้านบาท)  เพิ่มขึ้น 5.1 พันล้านเยน หรือร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับผลกำไรในปีงบประมาณก่อนหน้า

ยอดจำหน่ายของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส รวมกันจากทุกประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า อยู่ที่จำนวน 1,101,000 คัน

สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เป็นจำนวนรวม 275,000 คัน โดยได้ยอดจากการขายมิตซูบิชิ ไทรทัน ในประเทศไทย และมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา

ยอดจำหน่ายในประเทศจีนอยู่ที่จำนวน 136,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 55 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ในขณะที่ยอดจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่จำนวน 98,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อรถเคคาร์ รวมถึงรถยนต์รุ่น อีเค แวกอน และ อีเค สเปซ เช่นเดียวกับ มิตซูบิชิ เดลิกา ดีไฟฟ์ และรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นอื่นๆ ในตระกูลแอคทีฟเกียร์

ทั้งนี้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ยังคาดการณ์ยอดจำหน่ายปีงบประมาณ 2561 ที่จำนวนรวม  1.25 ล้านคัน โดยจะเติบโตร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2560 ทั้งยังคาดการณ์อีกว่าจะมียอดจำหน่ายรวมเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 มาอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านเยน (ประมาณ 7 แสนล้านบาท) และคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 110 พันล้านเย