เปิดแผนธุรกิจ Mitsubishi Motors ปี 2020 - 2022 ลุยอาเซียน

เปิดแผนธุรกิจ Mitsubishi Motors ปี 2020 - 2022

อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 2563
  • Share :
  • 4,939 Reads   

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประกาศแผนธุรกิจระยะกลาง 3 ปี อัดฉีบงบอาเชียน สร้างโรงงานผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน ลงทุนเครื่องจักรกล ใช้ไทยเป็นฐานผลิตรถไฮบริด 

วันที่ 27 กรกฎาคม 2020 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors) เผยแผนธุรกิจระยะกลาง 3 ปี  (FY2020 - 2022) ภายใต้แนวทาง “Small but Beautiful” ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารทรัพยากรในภูมิภาคหลักและเทคโนโลยีต่าง ๆ แผนนี้มุ่งเน้นไปที่การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการเพิ่มผลกำไรจากการปรับโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่ให้มีความแข็งแกร่ง สู่เป้าหมายเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาสามปีของแผนดังกล่าวในวันที่ 31 มีนาคม 2023

แผนธุรกิจระยะกลาง 3 ปีของ Mitsubishi Motors  ยกอาเซียนเป็น “เครื่องยนต์เพื่อการเติบโต (Growth Driver)” ประกาศอัดฉีบงบประมาณในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างโรงงานผลิตยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ลงทุนเครื่องจักรกล และเพิ่มช่องทางการขาย สืบเนื่องจากการที่ขีดความสามารถการแข่งขันของบริษัทในยุโรปลดลงอย่างรวดเร็ว พร้อมเตรียมปรับผังการผลิต และบุคลากรในญี่ปุ่น ซึ่งMr. Takao Kato CEO บริษัท Mitsubishi Motors กล่าวว่า “กลยุทธ์ของบริษัทฯ จะเน้นให้ความสำคัญกับการรวมศูนย์ของตลาด และเทคโนโลยี มากกว่าการกระจายความสำคัญให้กับหลายภูมิภาค และหลายเทคโนโลยีจนมากเกินไป”  

มุ่งอาเซียน

Mitsubishi Motors รายงานว่า สาเหตุที่เลือกอาเซียนเป็นศูนย์กลางการเติบโตของบริษัท สืบเนื่องจากเป็นตลาดที่บริษัทมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง และตั้งเป้าพัฒนายานยนต์รุ่นใหม่ทั้งรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Vehicles: PHEV), รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle: HEV) และเทคโนโลยีอื่น ๆ 

แผนธุรกิจระยะกลาง 3 ปี “Small but Beautiful” มุ่ง 4 ประเทศเป้าหมายหลัก เพิ่มกำลังการผลิต และช่องทายการขาย ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม  

สืบเนื่องจากทั้ง 4 ประเทศดังกล่าวมีการเติบโตของยอดขายตั้งแต่มีงบประมาณ 2008 ถึง 2019 อยู่ที่ 10.6% ในขณะที่ยอดขายในญี่ปุ่น และยุโรป ในช่วงเวลาเดียวกันลดลง 2.1% และ 1% ตามลำดับ โดยแผนการดำเนินงานใน 4 ประเทศเป้าหมาย มีดังนี้

  • ไทย ใช้เป็นฐานการผลิต และจัดจำหน่ายรถปลั๊กอินไฮบริด เริ่มจาก Outlander PHEV เพิ่มกำลังผลิตจาก 81,000 คัน เป็น 91,000 คัน พร้อมเปิดโชว์รูมเพิ่มเติมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เล็งเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 8.6% เป็น 9.3% ในปีงบประมาณ 2020
  • เวียดนาม สร้างโรงงานใหม่ในเวียดนาม เพื่อใช้เป็นโรงงานผลิตรถอเนกประสงค์ ซึ่งเบื้องต้นจะรับผิดชอบการผลิตรถรุ่น Xpander เพิ่มกำลังผลิตจาก 30,000 คัน เป็น 43,000 คัน และส่วนแบ่งจาก 9.8% เป็น 10.0%
  • อินโดนีเซีย เสริมเครือข่ายการขายในภูมิภาค และชู Xpander เป็นโมเดลหลัก เพิ่มกำลังผลิตจาก 107,000 คัน เป็น 133,000 คัน และส่วนแบ่งจาก 10.7% เป็น 11.4%
  • ฟิลิปปินส์ ใช้เป็นฐานการผลิตรถเล็กสำหรับการส่งออกสู่ภูมิภาคอาเซียน เพิ่มกำลังผลิตจาก 61,000 คัน เป็น 180,000 คัน และส่วนแบ่งจาก 16.0% เป็น 17.8%

ทางบริษัทตั้งเป้าว่า แผนธุรกิจระยะกลาง 3 ปีในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มยอดขายยานยนต์ในทั้ง 4 ประเทศเพิ่มขึ้นจาก 291,000 คันในปีงบประมาณ 2019 ขึ้นไปอยู่ที่ 375,000 คันในปีงบประมาณ 2022 ซึ่งจะทำให้มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก 10.6% เป็น 11.4% และยานยนต์ที่ผลิตในอาเซียนนอกจากจะรองรับดีมานด์ในภูมิภาคแล้ว จะตอบสนองต่อภูมิภาคอื่นด้วย อาทิ โอเชียเนีย, เอเชียใต้, อเมริกาใต้, ตะวันออกกลาง, และแอฟริกา และได้เตรียมแผนเปิดตัวยานยนต์รุ่นใหม่ในอาเซียนหลังสิ้นสุดแผนยุทธศาสตร์นี้แล้วอีกด้วย

Mitsubishi Motors ASEAN lineup

Photo: Mitsubishi Motors

 

การลดต้นทุน

ในส่วนของการลดตุ้นทุน ทางบริษัท Mitsubishi Motors ตั้งเป้าลดให้น้อยลงกว่าปีงบประมาณ 2019 อย่างน้อย 20% ภายในปีงบประมาณ 2020 นี้ โดยตัดสินใจลดกำลังการผลิตในญี่ปุ่น และปิดโรงงาน Pajero ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองซาคาโฮงิ จังหวัดกิฟุตั้งแต่ช่วงต้นปี 2021 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม สายการผลิตจะถูกย้ายไปยัง Okazaki Plant แทน

นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีแผนลดพนักงานจำนวนมาก สืบเนื่องจากการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรภายใต้ Renault–Nissan–Mitsubishi ทำให้มีพนักงานเพิ่มขึ้น โดยวางแผนลดการจ้างงานใหม่ รวมถึงการปรับฐานเงินเดือน ซึ่งคาดว่าจะลดค่าจ้างได้รวม 15%

ส่วนในยุโรปนั้น การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจนขาดทุนทำให้บริษัทตัดสินใจหยุดการเปิดตัวยานยนต์รุ่นใหม่ไว้ก่อน และมุ่งเน้นไปที่บริการหลังการขายแทน 

เร่งสร้างกำไร

Mitsubishi Motors คาดการณ์ว่า การปรับผังองค์กรและการสร้างพันธมิตรใหม่ในอาเซียนจะทำให้บริษัทฯ สามารถกลับมาทำกำไรได้ โดยคาดการณ์ว่า ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานลดลง 140,000 ล้านเยน หรือราว 1,332 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณนี้ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มีนาคม 2021 อย่างไรก็ตาม จะสามารถกลับมาทำยอดเพิ่มขึ้นได้ 50,000 ล้านเยน หรือราว 476 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2022 และมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2.3% และคาดการณ์ต่อว่าจะเพิ่มขึ้นไปถึง 6.0% ในปีงบประมาณ 2025

Mitsubishi Motors Operating Profit Target

Photo: Mitsubishi Motors

 

อ่านต่อ