Toyota เตรียมมุ่งสู่ยุค Connected Car ด้วยการส่งรถซีดานหรูรุ่นปรับปรุงยกเครื่อง “Crown” และรถรุ่นใหม่ “Corolla Sport” เข้าสู่ตลาดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมสนับสนุนทั้ง 2 โมเดลที่เป็นทั้งรถหรูและรุ่นยอดนิยมในฐานะ Connected Car ยุคแรกของ Toyota เพื่อยกระดับบทบาทและฟังก์ชั่นของยานยนต์ในยุคที่สภาพตลาดกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

หากไม่นับรถในโมเดลใกล้เคียงกันแล้ว การวางจำหน่ายรถ 2 รุ่นในวันเดียวกันเป็นเรื่องที่น่าแปลกสำหรับ Toyota ซึ่งรองประธาน Shigeki Tomoyama ได้แสดงความตั้งใจในการเป็นผู้นำเทรนด์ Connected Car ว่า “เทคโนโลยีล่าสุดของ Connected Car ที่เราใช้นี้ กำลังเป็นผู้นำพายุคใหม่มาให้กับเรา”

โดยฟังก์ชั่น “e-Care Driving Guidance” ที่ติดตั้งให้กับตัวรถในครั้งนี้ จะมีคุณสมบัติในการรับคำแนะนำด้านการขับขี่จากคอลเซ็นเตอร์และสำนักงานขายผ่านไมค์ที่ติดตั้งไว้ในรถในกรณีที่เปิดไฟสัญญาณเตือน อีกทั้งยังร่วมมือกับ Line ในการพัฒนาฟังก์ชั่นการลงทะเบียนจุดหมายปลายทางผ่านการพูดอีกด้วย

โดย Toyota ได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม “Connected Operation Kaizen Dojo” ไว้ที่เมืองนิชชิน จังหวัดไอจิ สำหรับอบรมบุคลากรให้พร้อมรับหน้าที่สนับสนุนผู้ขับขี่ในโชว์รูมแล้ว อีกทั้งหลังจากนี้ยานยนต์ที่ออกจำหน่ายแทบทุกรุ่นของ Toyota จะเป็น Connected Car ทั้งหมด ส่งผลให้ทางบริษัทจำเป็นต้องเร่งเตรียมโครงสร้างพื้นฐานให้กับสำนักงานขายกว่า 5,000 แห่งในญี่ปุ่น

แน่นอนว่านอกจากในด้านเทคโนโลยี Connected Car แล้ว Toyota ยังได้ยกระดับรถทั้ง 2 รุ่นให้สูงขึ้น ซึ่งแม้ว่า Crown จะถูกผลิตมาสำหรับตลาดญี่ปุ่น แต่หัวหน้าวิศวกร Akira Akiyama ได้แสดงความเห็นอย่างมั่นใจว่า “เป็นรถที่ดีพอจะเข้าแข่งในตลาดโลก” ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำไปทดสอบวิ่งที่ประเทศเยอรมนี และเตรียมความพร้อมในการส่งออกอีกด้วย ส่วน Corolla Sport ซึ่งเป็นรุ่นที่ 12 ในซีรี่ส์Corolla นั้น ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นรถสำหรับทุกเพศทุกวัย โดนคำนึงถึงอายุผู้ซื้อที่มากขึ้นเอาไว้แล้ว

ซึ่ง Connected Car นี้เอง ที่ถูกยกให้มีบทบาทสำคัญในฐานะส่วนหนึ่งของบริการด้านการคมนาคมในอนาคต จึงเปรียบได้กับเป้าหมายของ Toyota ที่จะผันตัวเองเป็นผู้ให้บริการด้านการคมนาคมในอนาคตอีกด้วย