Mazda ยกระดับความปลอดภัยใต้แนวคิด “คนม้าหนึ่งเดียว”
Mazda ยกระดับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยภายใต้แนวคิด “คนม้าหนึ่งเดียว (Jinba Ittai)” ด้วยการติดตั้งระบบเบรกอัตโนมัติซึ่งมีคุณสมบัติในการตรวจจับคนเดินถนนรอบคันรถให้กับรถสปอร์ต “Roadster” รุ่นปรับปรุงบางส่วนซึ่งมีกำหนดออกสู่ตลาดในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ ส่งผลให้รถรุ่นหลัก 7 รุ่นของบริษัทเป็นไปตามนโยบาย “Safety Support Car/Safety Support Car S” ของรัฐบาลญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม Mazda เล็งเห็นว่าเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอในด้านความปลอดภัย และมองว่าความคิดที่จะขับขี่ให้ถูกของผู้ขับต่างหากที่จะนำมาซึ่งความปลอดภัยได้
CEO Masamichi Kogai กล่าวว่ายานยนต์ในอุดมคติ คือ “ยานยนต์ที่เคลื่อนที่ได้ตามความต้องการของผู้ขับ ราวกับคนม้าหนึ่งเดียว” ซึ่ง Mazda มีความเห็นว่า หากผู้ขับมีความรู้ความเข้าใจที่ดีแล้ว ก็จะกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในด้านความปลอดภัยในการขับขี่ และแสดงความต้องการพัฒนายานยนต์และสภาพแวดล้อมในการขับขี่ที่เอื้อต่อการตัดสินใจของผู้ขับให้ได้มากที่สุด
โดย “คนม้าหนึ่งเดียว (Jinba Ittai)” เป็นสำนวนที่ใช้อธิบายถึงคนที่ขี่ม้าได้คล่องแคล่วเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย และการที่ Mazda ใช้คำนี้ ก็คงจะหมายถึงการยกระดับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่สามารถใช้งานได้ง่ายเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนั่นเอง
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ Mazda ทำ เพื่อให้สามารถดำเนินไปตามแนวคิดนี้ได้ คือ การจัดตำแหน่งคันเร่งและเบรกให้สามารถเหยียบได้สะดวกขึ้น เลื่อนตำแหน่งล้อหน้าให้ห่างขึ้นจากเดิมอีก 80 มม. เพื่อเพิ่มพื้นที่ และขยับตำแหน่งคันเร่งกับเบรกมาทางขวาอีก 20 มม. เพื่อให้นั่งขับได้ด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นแนวทางที่ Mazda ดำเนินมาตลอดในหมวดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี SkyActiv ซึ่งรองผู้จัดการแผนกวิจัยยานยนต์ของ Mazda กล่าวแสดงความเห็นว่า “การเพิ่มพื้นที่ในรถเล็กอย่าง Demio นั้นทำได้ยากก็จริง แต่เราก็มุ่งมั่นในพัฒนาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม ซึ่งก็สามารถทำได้สำเร็จภายใต้แนวทาง Integrated Planning”
Mazda เล็งเห็นว่าคันเร่งแบบ Organ-Type Accelerator ซึ่งถูกใช้มาตามแนวทาง Integrated Planning จะเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งการขับขี่ที่ปลอดภัยได้ โดยคันเร่งแบบ Organ-Type Accelerator นั้น สามารถเหยียบได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งข้อเท้า ทำให้การสลับเหยียบคันเร่งและเบรกทำได้โดยง่าย และรวดเร็วกว่าการยกข้อเท้าขึ้น 0.12 วินาที หรือเทียบเท่ากับ “สามารถหยุดรถที่วิ่งด้วยความเร็ว 50 กม. ต่อ ชม. ให้หยุดก่อนชุดได้ 1.7 ม.” ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการลดการเกิดอุบัติเหตุ
ด้วยเหตุนี้เอง Mazda จึงมองว่าเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย “i-ACTIVSENSE” นั้น มีไว้เพื่อสนับสนุนการขับขี่ให้ผู้ขับ เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้สูงขึ้น เช่น กรณีที่ผู้ขับไม่ทันรับรู้สภาพแวดล้อมรอบคันรถ
หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยของแผนกเทคโนโลยีควบคุมยานยนต์ Mazda เน้นย้ำความสำคัญของความปลอดภัยว่า “มีเรื่องที่มนุษย์ควรคำนึงถึงอีกมาก” และควรจะมีความรู้ความเข้าใจ รวมถึงวินัยในการขับขี่ที่ดี ไม่ใช่พึ่งพาแต่เครื่องจักรเพียงด้านเดียว และหากสามารถสร้างสภาพแวดล้อมในการขับขี่ที่ดีให้แก่ผู้ขับได้ ความปลอดภัยก็จะเพิ่มมากขึ้น