ผู้ผลิตรถยนต์ร่วมมือกับบริษัทไอที เร่งพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ
ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตยานยนต์และบริษัท IT กำลังขยายตัวมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะกรณีบริษัทลูกของ General Motors (GM) ที่ได้ร่วมลงทุนกับ SoftBank Group, Fiat Chrysler Automobiles (FCA) ที่ร่วมมือกับ Waymo, และอื่น ๆ และล่าสุดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ ที่ Toyota ได้ร่วมลงทุนกับ Albert บริษัทด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในสภาวะที่งบประมาณถูกนำมาใช้ในการพัฒนาสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ได้ผันตัวจาก “การผลิตด้วยตนเอง” เป็น “การร่วมมือทางธุรกิจ” อย่างเห็นได้ชัด
“GM Cruise Holdings” บริษัทลูกของ GM ผู้ซึ่งรับผิดชอบด้านการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ได้รับทุนจาก SoftBank Group เป็นมูลค่า 2,250 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ “ระดับ 4” ในปี 2019 คาดว่า เงินลงทุนที่ได้รับมานี้ จะช่วยเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีของ GM ให้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
ส่วนทางด้าน FCA นั้น ได้ยกระดับความร่วมมือกับบริษัท IT ให้เพิ่มขึ้น ด้วยการร่วมมือกับ Waymo ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติในเครือ Google โดย FCA ได้เตรียมซัพพลายรถมินิแวน PHV “CHRYSLER PACIFICA” จำนวน 62,000 คัน ให้กับ Waymo และอยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือให้ Waymo พัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติให้กับบริษัท
ส่วนในญี่ปุ่นนั้น Toyota ได้เข้าร่วมลงทุนกับ Albert เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยอาศัยเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลของ Albert มาเข้าข่วยในการเสริมประสิทธิภาพ AI สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ
นอกจากนี้ ผู้ผลิตยานยนต์ยังดำเนินการพัฒนาเทคโนโลยีตามแนวทาง CASE (Connected, Autonomous, Shared, Electric) ควบคู่ไปด้วย ซึ่งคาดการณ์ว่า เงินลงทุนของค่ายรถญี่ปุ่น จำนวน 7 ค่ายในปีงบประมาณ 2018 นี้จะสูงขึ้นจากปีงบประมาณก่อน 5.9% หรือรวมแล้วอยู่ที่ 2,995,000 ล้านเยน
ความร่วมมือต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ผลิตยานยนต์และบริษัท IT นี้ มีเพื่อเร่งการพัฒนา และลดต้นทุนการพัฒนาที่นับวันจะมีแต่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ระบบขับขี่อัตโนมัติต้องใช้นั้นเป็นเช่นไรก็มีแต่ผู้ผลิตยานยนต์เท่านั้นที่รู้ ด้วยเหตุนี้เอง ปัจจัยสำคัญสำหรับบริษัท IT คือ จะร่วมมือในด้านไหนอย่างไรจึงจะเหมาะสม