6 ยุค เส้นทางสู่ความสำเร็จของโตโยต้า

อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 2561
  • Share :
  • 6,404 Reads   

โตโยต้าเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ภายใต้ชื่อ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 56 ปีแล้ว โดยมีโรงงานผลิต  3 แห่ง ได้แก่ โรงงานประกอบรถยนต์สำโรง จ.สมุทรปราการ, โรงงานประกอบรถยนต์เกตเวย์ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา, และโรงงานประกอบรถยนต์บ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา นำมาสู่การบรรลุยอดการผลิตครบ 10 ล้านคัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จของโตโยต้า โดยงาน “ฉลองความสำเร็จยอดการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าครบ 10 ล้านคัน” ได้ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 ณ โรงงานโตโยต้า สำโรง จังหวัดสมุทรปราการ

ภายใต้ระบบการผลิตแบบโตโยต้า หรือ Toyota Production System (TPS) ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ปัจจุบันการผลิตของโตโยต้า มีกำลังการผลิต 750,000 คันต่อปี มีพนักงานกว่า 14,500 คน โดยยอดจำนวนการผลิต 10 ล้านคัน แบ่งออกเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 5.8 ล้านคัน  และส่งออกจำนวน 4.2 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการส่งออกสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยกว่า 2,589,000 ล้านบาท (ตั้งแต่ปี 2535 – เดือนพฤษภาคม ปี 2561)


 

เส้นทางสู่ความสำเร็จของโตโยต้าในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 6 ยุค 
ยุคที่ 1 ยุคก่อร่างสร้างฐาน (พ.ศ. 2505 – 2515) 
“ก้าวแรกแห่งการร่วมเดินเคียงข้างคนไทย”  โดยก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์แห่งแรกขึ้นที่ ต.สำโรงเหนือ เพื่อประกอบรถรุ่นแรก คือ โตโยต้า ไดน่า เจเค 170 และ โคโรน่า อาร์ที 40 ตามด้วย ไฮลักซ์ อาร์เอ็น 10 และ โคโรลล่า เคอี 20 ด้วยอัตราการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศถึงร้อยละ 25 


 

ยุคที่ 2 ยุคแห่งการพัฒนา (พ.ศ. 2516 – 2525)
“มุ่งมั่นบนเส้นทางแห่งการพัฒนาและเสริมสร้างความเชื่อมั่น”  ด้วยการขยายกำลังการผลิต ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์แห่งที่ 2 ใน ต. สำโรงใต้ จ. สมุทรปราการ เป็นโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีการประกอบโดยใช้สายพานการผลิตระบบแขนกลอัตโนมัติเชื่อมตัวถัง และระบบเคลือบสีป้องกันสนิม แคทไอออนอีดีพี เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยยอดการผลิตในประเทศครบ 100,000 คัน ในปี 2523

ยุคที่ 3 ยุคหน้าของโตโยต้า (พ.ศ. 2526 – 2535)  
“มุ่งหน้าสร้างความมั่นคง ส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนไทย” ได้แสดงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ ด้วยการร่วมทุนก่อตั้ง บริษัท สยามโตโยต้าอุตสาหกรรม จำกัด เพื่อผลิตเครื่องยนต์สำหรับรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและส่งออกพร้อมแนะนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ทวินแคม 16 วาล์ว เป็นรายแรกของประเทศในรุ่น “โคโรลล่า เออี 92” ทำให้สามารถประกอบรถยนต์ได้ครบ 500,000 คัน ในปี 2535

ยุคที่ 4 ยุคประชายานยนต์ (พ.ศ. 2536 – 2545) 
“สร้างสรรค์ยนตรกรรม เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ” เปิดโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ เพื่อผลิตรถยนต์นั่ง โดยในปี 2539 สามารถผลิตรถยนต์ครบ 1 ล้านคัน ด้วยกำลังการผลิตจาก 3 โรงงานหลัก รวมถึงแนะนำเครื่องยนต์ระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-I ครั้งแรกใน “โคโรลล่า อัลติส” และเปิดตัวรถ ”โตโยต้าโซลูน่า” รุ่นแรก ที่วิศวกรชาวไทย มีส่วนร่วมในการออกแบบและใช้ชิ้นส่วนประกอบภายในประเทศกว่าร้อยละ 70

ยุคที่ 5 ยุคเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม (พ.ศ. 2546 – 2555)
“ยนตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม บูรณาการความรับผิดชอบเพื่อสังคมไทย”  โดยเป็นบริษัทแรกที่แนะนำระบบไฮบริดเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งได้รับการยกระดับให้เป็นฐานการผลิตและส่งออกหลักของรถกระบะขนาด 1 ตัน ในกลุ่มบริษัทโตโยต้า ภายใต้โครงการ IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicle) เพื่อผลิตรถกระบะ “ไฮลักซ์” และรถเอนกประสงค์ “ฟอร์จูนเนอร์” และในปี 2550 ได้ก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าบ้านโพธิ์ขึ้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับการขยายตัว ในประเทศ และส่งออกกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้โตโยต้าสามาถผลิตรถยนต์ได้ครบ 5 ล้านคัน ในปี 2553 ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียงครึ่งหนึ่งของการผลิตครบ 1 ล้านคันในอดีต

ยุคที่ 6 ยุคนวัตกรรมแห่งความยั่งยืน (พ.ศ. 2556 – ปัจจุบัน)
“สร้างสรรค์นวัตกรรมการขับเคลื่อน “ที่ดียิ่งกว่า” เพื่อทุกคน”  แนะนำ ยารีส เอทีพ (Yaris ATIV) อีโคคาร์ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า รุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี และ Toyota C-HR ที่มาพร้อมกับ 4 เทคโนโลยีใหม่มาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า ได้แก่ ระบบไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 4 สถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ (Toyota New Global Architecture หรือ TNGA) มาตรฐานความปลอดภัยใหม่ระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense หรือ TSS) และระบบที่เชื่อมต่อรถและผู้ใช้รถให้เป็นหนึ่งเดียว (Toyota T-Connect Telematics)