ไทยเตรียมแก้เกมกรณีเวียดนามกีดกันการค้านำเข้ารถยนต์
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ร่วมหารือเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาอันเกิดจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (เอ็นทีบี) ของเวียดนามที่ออกมาควบคุมการนำเข้ารถยนต์อย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีความกังวลว่าหากไม่เร่งแก้ไขปัญหา จะส่งผลกระทบต่อฐานผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ซึ่งไม่เป็นผลดีเลยแม้แต่น้อย แม้ไทยจะส่งหนังสือแจ้งถึงความกังวลในเรื่องความล่าช้าและการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการส่งออกให้แก่เวียดนามแล้วก็ตาม
และเนื่องจากเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศในอาเซียนที่จะไม่มีภาษีสินค้าระหว่างกัน โดยเริ่มแรกจะมีภาษีนำเข้า 40% จากนั้นก็ลดลงมาเหลือ 30% จนกระทั่งปัจจุบันที่เป็น 0% อย่างไรก็ตามการเตะถ่วงการนำรถยนต์เข้าจากประเทศไทยด้วยการตรวจสอบรถยนต์ทุกคันแทนที่จะสุ่มตรวจนั้นส่งผลให้การส่งออกรถยนต์ล่าช้าเป็นอย่างมาก
มีรายงานระบุว่าเหตุที่เวียดนามประกาศมาตรการที่เป็นอุปสรรคดังกล่าว อาจเป็นผลมาจากรัฐบาลเวียดนามต้องการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศมากกว่า โดยบริษัท VinFast ได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานเฟสแรก เมื่อต้นเดือนกันยายน 2017 และมีแผนจะวางผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้าหรือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าภายในกันยายนปีนี้ ขณะเดียวกันประเทศอื่น ๆ ก็มองว่ามาตรการกำหนดมาตรฐานในการตรวจสอบรถยนต์ที่ว่านี้เป็นมาตรการกีดกันทางการค้า
ทางด้านกระทรวงอุตสาหกรรมเองได้ให้คำชี้แจ้งถึงการติดตามความคืบหน้าผลกระทบการกีดกันการค้าดังกล่าวของประเทศเวียดนามอย่างใกล้ชิด ล่าสุดไทยก็จะมีการประชุมเจรจาอย่างเป็นทางการกับเวียดนามในประเด็นนี้ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึง โดยเชื่อว่าจะได้ผลสรุปที่เป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน
แหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมยานยนต์เองก็ให้การเปิดเผยถึงการหารือกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อเร่งการเจรจากับเวียดนาม เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนกรกฎาคมนี้ที่จะมีการจัดประชุมเจรจา และคาดว่าจะได้รับข้อสรุปที่เป็นผลดีต่อประเทศไทย อย่างไรก็ตาม หากเวียดนามยังยืนยันจะใช้มาตรการดังกล่าวต่อไป ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ไทยจะตอบโต้เวียดนามด้วยแนวทางใกล้เคียงกัน แต่ยังไม่ระบุว่าจะใช้กับสินค้าชนิดใด
ขณะนี้ภาคเอกชนกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะมาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อค่ายรถยนต์หลายรายจึงชะลอการส่งออก ทำให้ยอดการส่งออกรถไปเวียดนามช่วงเดือน มกราคม - เมษายน มีปริมาณเพียง 4,000 คันจากปกติ 20,000 คัน ขณะที่ไทยตั้งเป้าการส่งออกรถยนต์ไปเวียดนามทั้งปีที่ 6.5 หมื่นคัน อย่างไรก็ตามมีผู้ผลิตรถยนต์บางรายได้ทดลองส่งออกรถยนต์อีกครั้งหลังจากที่หยุดมาตั้งแต่ต้นปี เพื่อทดสอบสถานการณ์
อย่างไรก็ตามแม้การส่งออกจากประเทศไทยไปเวียดนามจะล่าช้าเนื่องจากแหล่งตรวจสอบมีเพียงแห่งเดียวในประเทศและเป็นการตรวจรถยนต์นำเข้าทุกคัน แต่ไทยก็ยังสามารถส่งออกรถยนต์ไปยังเวียดนามได้อยู่ สำหรับทางอินโดนีเซียที่เป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตรถยนต์ที่ส่งออกไปยังเวียดนามเหมือนกันกับไทยนั้นไม่ได้มีปัญหากับการตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ดังกล่าว แต่ออกแนวกังวลถึงความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นตามมาในการตรวจสอบมากกว่า
เวียดนามนำเข้ารถยนต์จากไทย-อินโด