50 ปี ไทยสากล กรุ๊ป: จาก Cutting Specialist สู่ Manufacturing Transformation
บทสัมภาษณ์พิเศษ: นายปณิธาน กอบกุลสุวรรณ ผู้อำนวยการ บริษัท ไทยสากล กรุ๊ป จำกัด
ในวาระครบรอบ 50 ปี ไทยสากล กรุ๊ป (1975–2025) ผู้เล่นรายสำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องจักรและเครื่องมือตัดของไทย M Report ได้พูดคุยกับ นายปณิธาน กอบกุลสุวรรณ ผู้อำนวยการบริษัท ถึงเส้นทางครึ่งศตวรรษขององค์กร การเปลี่ยนผ่านจาก Cutting Specialist สู่การเป็นผู้ขับเคลื่อน Manufacturing Transformation และบทบาทของไทยสากลในอุตสาหกรรมยุค Smart Factory และ EV Mobility

เส้นทาง 50 ปี: จากธุรกิจครอบครัวสู่พันธมิตรสำคัญของอุตสาหกรรมไทย
จุดเริ่มต้นจากงานไม้—สู่หลายอุตสาหกรรม
ไทยสากล กรุ๊ป เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2518 (1975) จากวิสัยทัศน์ของ นายประวิทย์ กอบกุลสุวรรณ ผู้ริเริ่มนำเข้า Cutting Tools จากญี่ปุ่น เช่น ใบเลื่อยวงเดือนและใบมีดคุณภาพสูง สู่ตลาดอุตสาหกรรมไม้ไทย ทำให้ชื่อ “ไทยสากล” ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วจากความเป็นมืออาชีพและการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด

ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา องค์กรพัฒนาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสู่ บริษัท ไทยสากล กรุ๊ป จำกัด พร้อมขยายครอบคลุมอุตสาหกรรมงานโลหะ เยื่อและกระดาษ พลาสติก อะคริลิก อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูง
Turning Point: ก้าวสู่ยุคบริหารสมัยใหม่
นายปณิธานเล่าว่า “จุดเปลี่ยนสำคัญ” คือช่วงประมาณปีที่ 25 เมื่อคนรุ่นใหม่เข้ามาพัฒนาโครงสร้างองค์กร:
- ปรับระบบบริหารและองค์กรใหม่ (New Organization Structure)
- นำ IT และ ERP เข้ามาใช้
- วางกลยุทธ์ขยายธุรกิจไปสู่ เครื่องจักร (Machines) แทนที่จะพึ่งพาเฉพาะสินค้า consumable
การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้ไทยสากลขยายตัวเข้าสู่อุตสาหกรรมหลากหลาย และกลายเป็นพันธมิตรที่สำคัญของผู้ผลิตทั้งไทยและต่างประเทศ
หัวใจของความสำเร็จ 50 ปี
นายปณิธานสรุปเป็น 2 ปัจจัยสำคัญ:
- ความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า — มองลูกค้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ นำเสนอสินค้าที่ “ดีที่สุด” ไม่ใช่ “ถูกที่สุด”
- พนักงานคือสินทรัพย์องค์กร — ไทยสากลไม่เคยลดพนักงาน ไม่เคยลดเงินเดือน แม้ผ่านวิกฤตหลายยุค ตั้งแต่ต้มยำกุ้งจนถึงโควิด

จาก Cutting Specialist สู่ Manufacturing Transformation
ไทยสากลมีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญงานตัด (Cutting Specialist)” แต่เมื่อเทคโนโลยีการผลิตเปลี่ยนไป องค์กรก็ต้องขยับตาม
ทำไมต้องขยายจาก Subtractive สู่วงการ Additive Manufacturing (AM)?
บริษัทเริ่มทำธุรกิจ Additive Manufacturing มานานกว่า 5 ปี โดยนำเสนอแบรนด์อย่าง Desktop Metal, BigRep, DLyte แม้ตลาด AM ในไทยยังเติบโตช้ากว่าประเทศอุตสาหกรรมหลัก—และปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมไทยเองยังมีพื้นที่สำหรับ AM ไม่มากนัก—แต่ความต้องการกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่ม งานวิจัยและพัฒนา (R&D) รวมถึง สถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าหลักที่บริษัทให้บริการอยู่เช่นกัน
“ตลาด AM ไทยยังเล็ก แต่เรามองว่าเมื่อสภาพแวดล้อมพร้อม ตลาดจะมาแน่นอน สิ่งที่เราทำตอนนี้คือสร้างคน เตรียมตลาด และให้บริการปริ้นชิ้นงานเพื่อช่วยผู้ประกอบการเริ่มต้นได้โดยไม่ต้องลงทุนทันที”
THINK Center — เร่งสร้างความเข้าใจเทคโนโลยียุคใหม่
THINK ย่อมาจาก TH: Think / I: Innovation / K: Knowledge
บทบาทของ THINK Center คือเป็นพื้นที่สาธิตและทดลอง ที่ทำให้ภาคอุตสาหกรรม “เห็นจริง ใช้จริง” โดยเปิดโอกาสให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามาทดสอบชิ้นงาน AM และเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ รวมถึงให้บริการพิมพ์ชิ้นงาน เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจศักยภาพของระบบใหม่ก่อนตัดสินใจลงทุนจริง
เทคโนโลยีแห่งอนาคต: Laser Cutting, Everising และโซลูชัน Green
Laser Cutting สำหรับวัสดุ Ultra Hard
ในปี 2024 ไทยสากล กรุ๊ป ได้เปิดตัว High-precision Laser Cutting Machine สำหรับการตัดวัสดุ PCD, PCBN และ Ceramic เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด Cutting Tools ที่หันมาให้ความสำคัญกับวัสดุ Ultra-Hard มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทในการสนับสนุนผู้ผลิตไทยให้เข้าถึงกระบวนการผลิตขั้นสูง
จุดเด่นของเทคโนโลยี ได้แก่
- ความเร็วในการตัดสูงกว่าเทคโนโลยีดั้งเดิม
- ลดต้นทุนรวมในการผลิต เพราะไม่ต้องใช้ลวดไวร์คัทซึ่งเป็นวัสดุสิ้นเปลือง พร้อมช่วยลดปริมาณของเสีย (waste)
- รองรับวัสดุ Ultra-Hard ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มวัสดุที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นในตลาด Cutting Tools
การเปิดตัวโซลูชันนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยสากล กรุ๊ป ในการผลักดันเทคโนโลยีใหม่เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตของผู้ประกอบการไทย พร้อมรองรับการแข่งขันระดับสากลในระยะยาว
EVERISING — เสาหลักของงานตัดโลหะในยุคการผลิตสมัยใหม่
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา EVERISING เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่สร้างรากฐานทางธุรกิจให้กับไทยสากล กรุ๊ป และยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาดงานตัดโลหะอย่างแข็งแกร่ง ด้วย ส่วนแบ่งตลาดกว่า 40% ในอุตสาหกรรมโลหะ ชิ้นส่วน โรงเหล็ก และโรงท่อ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานในคุณภาพ ความเสถียร และบริการหลังการขายที่บริษัทให้ความสำคัญมาโดยตลอด
ในมุมมองของผู้บริหาร บทบาทของ EVERISING ยังคงสำคัญยิ่งขึ้นในยุคที่โครงสร้างอุตสาหกรรมไทยกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ EV, งานสกัดเหล็กคุณภาพสูง, และการผลิตชิ้นส่วนความเที่ยงตรงมากขึ้น ทำให้เครื่องเลื่อยที่มีประสิทธิภาพและความแม่นยำสูง เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของสายการผลิตโลหะทุกรูปแบบ
นายปณิธานอธิบายว่า
“งานตัดโลหะคือจุดเริ่มต้นของทุกการผลิต ถ้าเราตัดดี ตัดเร็ว ตัดคุ้ม ลูกค้าก็สามารถลด Waste ลดเวลาทำงาน ลดภาระการลับใบเลื่อย และเพิ่มประสิทธิภาพได้ในการเดินไลน์ทั้งโรงงาน ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ EVERISING ยังคงเป็นแบรนด์หลักของเรา แม้เราจะขยายสู่เทคโนโลยีใหม่ ๆ แล้วก็ตาม”
นอกจากเครื่องจักรแล้ว ใบเลื่อย Kanefusa ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ในงานตัดไม้–โลหะ–พลาสติก ช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็น “ผู้เชี่ยวชาญงานตัด” ที่ไทยสากลสร้างขึ้นมาตั้งแต่เริ่มธุรกิจ
ผู้บริหารมองว่า ความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอ EVERISING + Kanefusa คือ “รากฐาน” ที่ทำให้บริษัทสามารถขยายไปสู่เทคโนโลยีใหม่ เช่น Laser Cutting และ Additive Manufacturing ได้อย่างมั่นคง เพราะลูกค้าเชื่อมั่นในมาตรฐานที่ไทยสากลยืนหยัดมาตลอดกว่า 50 ปี
เทคโนโลยี Green: DLyte Electropolishing
DLyte Electropolishing System รองรับการขัดผิวชิ้นงานที่ต้องการความเที่ยงตรงสูง ด้วยกระบวนการขัดผิวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมีอันตรายและลดความเสี่ยงต่อผู้ปฏิบัติงาน เหมาะสำหรับหลากหลายอุตสาหกรรม ได้แก่
- การแพทย์
- จิวเวลรี่และเครื่องประดับ
- ยานยนต์
- อากาศยาน
- งานผลิตชิ้นส่วนทั่วไปที่ต้องการผิวงานคุณภาพสูงอย่างสม่ำเสมอ
นายปณิธานกล่าวถึงหลักคิดในการคัดสรรเทคโนโลยีขององค์กรว่า
“ทุกเครื่องจักรที่เราเลือกนำเสนอให้ลูกค้า ล้วนเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น และถูกคัดสรรเพื่อช่วยผู้ประกอบการพัฒนาและยกระดับประสิทธิภาพการผลิตได้จริง—เช่น การลดจำนวนเครื่องจักรจาก 4 เครื่องเหลือเพียง 1 เครื่อง ลดพื้นที่ใช้สอย ลดภาระการบำรุงรักษา และลดมลพิษจากกระบวนการผลิต”
การวางรากฐานสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและการสืบทอดองค์กรรุ่นต่อไป
สมดุลระหว่างธุรกิจเครื่องจักรและเครื่องมือตัด — จุดแข็งที่ทำให้เติบโตทุกวัฏจักรเศรษฐกิจ
นายปณิธานอธิบายว่า ตลาดเครื่องจักรมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วตามเทคโนโลยีใหม่ เช่น เครื่องจักรสำหรับงานท่อที่อาจไม่ใช้ใบเลื่อยอีกต่อไป ขณะเดียวกันบางอุตสาหกรรมยังคงต้องใช้ Cutting Tools อย่างต่อเนื่อง แม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
เพราะเหตุนี้ ไทยสากลจึงรักษา “สองเสาหลักของธุรกิจ” — เครื่องจักร + เครื่องมือตัด ให้เดินไปพร้อมกัน โดยปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง เพื่อให้ธุรกิจเดินได้อย่างมั่นคงและเติบโตได้ในทุกสภาวะตลาด
“เรามองความสมดุลนี้เป็นกลยุทธ์ระยะยาว เพราะช่วยให้บริษัทแข็งแรง ไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจมากเกินไป และตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทั้งไลน์การผลิต”
คนรุ่นใหม่ — พลังขับเคลื่อนองค์กรสู่ยุคต่อไป
ผู้บริหารย้ำว่าคนรุ่นใหม่มีบทบาทสำคัญในการต่อยอดองค์กรสู่อนาคต ทั้งในด้านการคิดเชิงระบบ การมุมมองธุรกิจใหม่ ๆ และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกัน ไทยสากลยังให้ความสำคัญกับการส่งต่อ DNA ขององค์กร ได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และมาตรฐานคุณภาพของงานบริการ—คุณค่าที่ทำให้บริษัทอยู่คู่ภาคอุตสาหกรรมไทยมาครึ่งศตวรรษ

บทบาทในยุค EV และ Smart Factory — ช่วยลูกค้าก้าวสู่การผลิตยุคใหม่
ไทยสากล กรุ๊ปมองว่าการเข้าสู่ยุค EV Mobility และ Smart Factory ไม่ใช่เพียงการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่คือ “การเปลี่ยนบทบาท” ของบริษัทจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Cutting Solutions ไปสู่ผู้มีส่วนช่วยในการยกระดับการผลิตของลูกค้าในภาพรวม (Manufacturing Transformation)
นายปณิธานกล่าวว่า เทคโนโลยีในอนาคตจะเชื่อมโยงเครื่องจักร เครื่องมือตัด ระบบดิจิทัล และข้อมูลเข้าด้วยกัน ไทยสากลจึงมองหาเทคโนโลยีที่ “ใช่ในเวลานั้น” เพื่อช่วยโรงงานไทยอัปเกรดสู่การผลิตยุคใหม่อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยยังคงรักษาจุดแข็งด้าน Cutting Solutions ควบคู่กับการเพิ่มโซลูชันที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมสมัยใหม่มากขึ้น
“เราไม่ได้เปลี่ยนตัวตน แต่เราขยายบทบาทจาก Cutting Specialist ไปสู่การเป็นพาร์ตเนอร์ด้าน Manufacturing Transformation ของลูกค้า”
50 ปีแห่งความหมาย และก้าวต่อไป
สำหรับนายปณิธาน ความหมายของ “50 ปีไทยสากล กรุ๊ป” คือความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมไทยมาโดยตลอด—อยู่เบื้องหลังชิ้นงาน เครื่องจักร และผลิตภัณฑ์ที่อยู่รอบตัวคนไทยในทุกวัน
ในงานฉลอง 18 พฤศจิกายนนี้ บริษัทต้องการสื่อสารถึงลูกค้าและพันธมิตรว่า
“50 ปีไทยสากล ไม่ได้หมายถึงอายุที่เพิ่มขึ้น แต่คือประสบการณ์ ความเชื่อมั่น และความร่วมมือที่ส่งต่อกันมาระหว่างลูกค้า ซัพพลายเออร์ และทีมงานของเรา”
และเมื่อถามถึงอนาคต 10 ปีข้างหน้า ผู้บริหารให้คำตอบที่ชัดเจนในฐานะองค์กรที่กำลังก้าวสู่บทบาทใหม่ทางอุตสาหกรรมว่า
“ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปอย่างไร เราจะยังคงส่งมอบคำสัญญาเดิมให้กับลูกค้า—คุณภาพ ความจริงใจ และการยืนเคียงข้างโรงงานไทยเสมอ”






