5 เทรนด์เทคโนโลยีเกิดใหม่ปี 2020

5 เทรนด์เทคโนโลยีเกิดใหม่ปี 2020

อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 2563
  • Share :

รายงาน Hype Cycle for Emerging Technologies, 2020 ของการ์ทเนอร์ชี้ 5 กลุ่มเทคโนโลยีที่จะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระดับสูงได้ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งครอบคลุม 30 เทคโนโลยีที่ต้องจับตามอง ประกอบด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อรวบรวมอินเทอร์เฟซการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชันทางธุรกิจและสร้างฟังก์ชันในรูปแบบโมดูลให้แก่ธุรกิจ (Composable Enterprise: CE), เทคโนโลยีที่มุ่งดึงความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีกลับคืนมา และเทคโนโลยีที่ปรับเปลี่ยนสภาวะการทำงานของสมองของผู้คน
 
นายไบรอัน เบิร์ก รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ กล่าวว่า “เทคโนโลยีเกิดใหม่ทั้งหลายย่อมเป็นสิ่งที่เข้ามาดิสรัปตลาดเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตลาดจะยังไม่เห็นตัวอย่างและยังไม่ได้รับรู้ถึงประโยชน์ด้านความได้เปรียบในการแข่งขันที่เทคโนโลยีเหล่านี้มีให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลามากกว่าห้าปีหรือบางกรณีมากกว่า 10 ปีเลยทีเดียวกว่าที่จะมีการยอมรับและนำไปใช้ในวงกว้างเพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่เทคโนโลยีบางประเภทที่อยู่ในวงจรการพัฒนาเทคโนโลยีของการ์ทเนอร์ (Hype Cycle) จะสมบูรณ์แบบในอีกไม่นาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้นำด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีทุกคนต้องรู้ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะสร้างโอกาสอะไรให้บ้าง โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงหรือจะมีผลกระทบสูง”
 
ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีที่เป็นเหมือนสมุดที่เก็บรวบรวมข้อมูลสำคัญด้านสุขภาพ (Health Passport) และเทคโนโลยีที่ช่วยด้านการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เทคโนโลยีทั้งสองประเภทนี้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดใน Hype Cycle และมีผลกระทบสูง ทั้งนี้มีเทคโนโลยีน้อยประเภทนักที่จะพัฒนาได้อย่างรวดเร็วถึงจุดที่เทคโนโลยีที่ช่วยด้านการเว้นระยะห่างทางสังคมทำได้ใน Hype Cycle อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนเป็นพิเศษ เนื่องจากความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว ด้าน Health Passport นั้นก็ยังเป็นเรื่องฉีกแนวที่ไม่คุ้นเคย เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ค่อยมีการนำเสนอสู่ตลาดมากนักโดยมีการเจาะตลาดเพียง 5-20% แต่เทคโนโลยีนี้กำลังได้รับการใช้งานจากประชาชนหลายร้อยล้านคนในประเทศจีนและอินเดียเพื่อใช้ในการเข้าไปยังพื้นที่สาธารณะและระบบการขนส่ง (แอปพลิเคชัน Health Code ของจีน และ Aarogya Setu ของอินเดีย) อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีทั้งสองประเภทนี้จะเป็นที่ยอมรับและนำไปใช้ในวงกว้างเพื่อใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ในเวลาไม่ถึงสองปี
 
5 เทรนด์เทคโนโลยีเกิดใหม่

#1 ดิจิทัล มี (Digital me)

เทคโนโลยีกำลังหลอมรวมเข้ากับชีวิตผู้คนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการเป็นตัวแทนของผู้คนเหล่านั้นบนโลกดิจิทัล เช่น หนังสือเดินทางดิจิทัลและเทคโนโลยีการเว้นระยะห่างทางสังคม แบบจำลองผู้คนและวัตถุในโลกดิจิทัลหรือแฝดดิจิทัล (Digital Twins) ของมนุษย์ทำให้เกิดโมเดลและเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคลที่สามารถใช้เป็นตัวแทนของเขาเหล่านั้นทั้งในโลกทางกายภาพและดิจิทัล วิธีปฏิสัมพันธ์ของผู้คนกับโลกดิจิทัลนั้นก้าวไปไกลกว่าแค่หน้าจอและคีย์บอร์ด แต่ยังหมายรวมถึงการใช้รูปแบบการโต้ตอบอื่น ๆ ร่วมกัน (เช่น เสียงพูด การมองเห็น การแสดงท่าทาง) หรือแม้แต่การเป็นสมองเพื่อคิดแทนเราได้โดยตรง
 
เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ได้แก่ เทคโนโลยีที่ช่วยในเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม, Health Passport, แฝดดิจิทัลของบุคคล แฝดดิจิทัลของพลเมือง ประสบการณ์แบบหลากหลาย และการติดต่อกันโดยตรงระหว่างคลื่นสมองกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ 2 ทาง (2-Way BMI: Brain Machine Interface)

#2 สถาปัตยกรรมแบบผสมผสาน (Composite architectures)

เทคโนโลยี Composable Enterprise (CE) ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการรวบรวมความสามารถทางธุรกิจที่สร้างขึ้นจากโครงสร้างข้อมูลที่มีความยืดหยุ่นไว้ในที่เดียวกัน สถาปัตยกรรมแบบผสมผสานจะถูกนำไปใช้กับโซลูชันด้านการบริหารจัดการแอปพลิเคชั่นขององค์กร ระบบอัจฉริยะที่ฝังมาพร้อมจะกระจายความสามารถและขยายต่อไปสู่อุปกรณ์ปลายทางต่าง ๆ จนถึงผู้ใช้ปลายทาง
 
เทคโนโลยีต่อไปนี้จะช่วยให้องค์กรมีความคล่องตัวมากขึ้น: Composable Enterprise, การจัดการแอปพลิเคชั่นขององค์กร, การจัดการข้อมูลที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ, 5G ส่วนบุคคล, การฝังเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และคอมพิวเตอร์บอร์ดเดี่ยวราคาประหยัดที่เป็นอุปกรณ์ปลายทาง

#3 ปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นแบบแผน (Formative AI)

ชุดข้อมูลของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เกิดใหม่และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กันที่สามารถปรับเปลี่ยนแบบไดนามิกเพื่อตอบสนองต่อการแปรผันของสถานการณ์ บางส่วนของเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกนำไปใช้โดยนักพัฒนาแอปพลิเคชันและนักออกแบบด้าน UX เพื่อสร้างโซลูชันใหม่ ๆ โดยใช้เครื่องมือที่รองรับเทคโนโลยี AI เทคโนโลยีอื่น ๆ ช่วยให้สามารถพัฒนาแบบจำลอง AI แบบไดนามิกเพื่อให้สามารถปรับตัวได้ตลอดเวลา และการพัฒนาขั้นสูงสุดคือสร้างโมเดลใหม่ทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะได้
 
องค์กรที่กำลังสนใจนำเทคโนโลยี AI ไปปรับใช้ควรพิจารณาด้านการออกแบบโดยใช้ AI (AI-assisted design), การพัฒนาเพิ่มเติมโดยใช้ AI (AI augmented development), การแสดงความสัมพันธ์ของข้อมูลและกราฟ (ontologies and graphs), ข้อมูลขนาดเล็ก, AI แบบผสมผสาน (composite AI), แมชชีนเลิร์นนิ่งที่ปรับตัวได้ (adaptive ML), การเรียนรู้ด้วยตนเอง, generative AI  และ generative adversarial networks

#4 Algorithmic trust

โมเดลความน่าเชื่อถือต่าง ๆ ที่ทำงานตามความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ กำลังจะถูกแทนที่ด้วยโมเดลความน่าเชื่อถือแบบอัลกอริทึม เพื่อความมั่นใจในความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล แหล่งที่มาของข้อมูล และการระบุตัวตนของบุคคลและองค์ประกอบอื่น ๆ โมเดลความน่าเชื่อถือแบบอัลกอริทึมนี้จะช่วยให้องค์กรมั่นใจได้ว่าจะไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงและต้นทุนจากการสูญเสียความไว้วางใจจากลูกค้า พนักงานและคู่ค้าต่าง ๆ
 
เทคโนโลยีใหม่ที่เชื่อมโยงกับโมเดลความน่าเชื่อถือแบบอัลกอริทึม ได้แก่ Secure Access Service Edge (SASE), Differential Privacy, Authenticated Provenance, Bring your own identity,  Responsible AI and Explainable AI

#5 ล้ำกว่าซิลิคอน

กว่าสี่ทศวรรษที่กฎของมัวร์ (Moore’s Law) (อธิบายถึงจำนวนทรานซิสเตอร์ในวงจรรวมหนาแน่น (IC) จะเพิ่มขึ้นสองเท่าในทุก ๆ สองปี) คือตัวชี้นำอุตสาหกรรมไอที เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาจนใกล้ทะลุขีดจำกัดทางกายภาพของซิลิคอน ส่วนประกอบที่ล้ำสมัยใหม่ ๆ กำลังสร้างโอกาสที่สำคัญหลายประการที่ทำให้เทคโนโลยีมีความรวดเร็วขึ้นด้วยขนาดเล็กลง โดยเทคโนโลยีสำคัญที่จะต้องพิจารณา ได้แก่ DNA computing เซนเซอร์แบบย่อยสลายได้ และทรานซิสเตอร์ที่ผลิตจากคาร์บอน

 

อ่านต่อ: