“เสียง” ก้าวถัดไปของโทรทัศน์ในยุค 4K/8K

อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 2561
  • Share :

คมชัดยิ่งขึ้น มีมิติยิ่งขึ้น
วันที่ 1 ธันวาคมนี้ สถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่น จะเริ่มทำการออกอากาศ “4K” ซึ่งมีความละเอียดภาพกว่าการออกอากาศแบบ Full HD ในปัจจุบัน 4 เท่า และ “16K” ซึ่งมีความละเอียดภาพสูงกว่าถึง 16 เท่า ซึ่งผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างเตรียมความพร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติรองรับความละเอียดภาพเหล่านี้เอาไว้แล้ว รวมถึงตลาดตัวรับสัญญาณโทรทัศน์เอง ก็มีท่าทีที่คึกคักเช่นเดียวกัน
 
ปัจจุบัน การรับสัญญาณภาพทั้งแบบ 4K และ 8K จำเป็นต้องใช้กล่องรับสัญญาณ อย่างไรก็ตาม ในญี่ปุ่น มีเพียง Sharp และ Mitsubishi เท่านั้น ที่รวมตัวรับสัญญาณไว้เป็นส่วนหนึ่งของโทรทัศน์ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์แบรนด์อื่น ๆ เช่น Toshiba, Panasonic, และ Sony จำเป็นต้องซื้อมาติดตั้งเองต่างหาก
 
อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้บริโภคต้องการคือ “เสียง” ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันของผู้ผลิตโทรทัศน์ในอนาคต
 
Sharp ประกาศวางจำหน่ายโทรทัศน์ LCD แบบ 8K ซึ่งจะออกสู่ตลาดในวันที่ 17 ธันวาคม ซึ่งรองประธาน Yoshihisa Ishida กล่าวว่า “เราจะนำผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นอกเหนือจากโทรทัศน์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบันทึกเสียง ลำโพง และอื่น ๆ เข้าสู่โลกของ 8K ทั้งหมด”
 
ทางด้าน Mitsubishi Electric นั้น ได้วางจำหน่ายโทรทัศน์ 4K ไปแล้วตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม ซึ่งนอกจากการรวมฟังก์ชันอื่น ๆ เช่น อุปกรณ์อ่านแผ่นบลูเรย์เข้าไปแล้ว ยังมีอีกจุดขาย คือเทคโนโลยีเสียงคุณภาพสูง ซึ่งผู้รับผิดชอบจากทางบริษัท กล่าวว่ามี “คุณภาพที่ไม่แพ้ความละเอียดภาพ”
 
จะเห็นได้ว่า ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เริ่มใช้ “เสียง” เป็นอีกจุดขายหนึ่งของโทรทัศน์ ต่างจากเมื่อก่อนที่มุ่งไปที่การพัฒนาลำโพงแบบติดตั้งแยกต่างหาก ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองพื้นที่ รวมถึงละเลยการพัฒนาเทคโนโลยีด้านเสียงสำหรับโทรทัศน์อีกด้วย ซึ่งการมาของยุค 4K และ 8K นี่เอง ที่จะทำให้ความแตกต่างด้านความละเอียดภาพของผลิตภัณฑ์แต่ละแบรนด์ลดลง ส่งผลให้ผู้ผลิตเปลี่ยนมาเลือกใช้เสียง เป็นเครื่องมือในการแข่งขันแทน
 
อย่างไรก็ตาม ผู้เกี่ยวข้องในวงการเครื่องใช้ไฟฟ้า กล่าวแสดงความเห็นว่า “แม้โทรทัศน์ 4K และ 8K จะได้รับความนิยมมากแค่ไหน ปัญหาสำคัญก็คือราคา ที่ปัจจุบันลดลงมามากจากแต่ก่อน ส่งผลให้กลายเป็นสินค้าที่ทำกำไรได้ยาก จึงไม่เป็นที่แน่ชัดว่า หากพัฒนาเทคโนโลยีเพิ่มเข้าไปอีกแล้ว ผู้ผลิตจะยังมองว่าโทรทัศน์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญต่อการสร้างรายได้หรือไม่”