ยอดขายรถยนต์ พ.ค. 68 โตต่อเนื่องจากเดือนก่อน รับแรงหนุนจาก BEV–PHEV ขยายตัวแรง

ยอดขายรถยนต์ พ.ค. 68 โตต่อเนื่องจากเดือนก่อน รับแรงหนุนจาก BEV–PHEV ขยายตัวแรง

อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 2568
  • Share :

ยอดขายรถยนต์พฤษภาคม 2568 เพิ่มขึ้นเพียง 10.67% จากปีก่อน แม้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) โต 118.64% และ PHEV พุ่ง 234.68% ขยายตัวแรง แม้รถกระบะยังหดตัวจากภาวะเศรษฐกิจและสินเชื่อเข้มงวด

นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดขายภายในประเทศเดือนพฤษภาคม 2568 ดังต่อไปนี้

ยอดขายรถยนต์ของเดือนพฤษภาคม 2568

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 52,229 คัน เพิ่มขึ้น 10.67% จากเดือนเมษายน 2568 แต่เพิ่มขึ้น 4.73% จากเดือนพฤษภาคม 2567 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ต่อจากเดือนเมษายน 2568 จากการขายรถยนต์ไฟฟ้า BEV  PHEV และรถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายในเพิ่มขึ้น 118.64% 234.68% และ 3.19% ตามลำดับ จากราคาที่จับต้องได้มากขึ้น แต่ยอดขายรถกระบะยังคงลดลง 24.84% จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังอ่อนแอจากการลงทุนภาคเอกชนที่ยังต่ำรวมทั้งค่าครองชีพที่สูงขึ้น อีกทั้งการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงจากนักท่องเที่ยวจีนที่กังวลเรื่องความปลอดภัย กังวลเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่จะไม่ได้ใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้จากปัญหาการเมืองที่ขัดแย้งกันซึ่งจะซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศที่ทรุดอยู่แล้วทรุดลงมากขึ้นไปอีก

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 35,560 คัน เท่ากับ 68.08% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 19.82% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว
    • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 13,769 คัน เท่ากับ 26.36% ของยอดขายทั้งหมด ลดลง 3.19% 
    • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 11,188 คัน เท่ากับ 21.42% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 118.64% 
    • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 743 คัน เท่ากับ 1.42% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 234.68%
    • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 9,860 คัน เท่ากับ 18.88% ของยอดขายทั้งหมด ลดลง 10.34% 
  • รถกระบะ มีจำนวน 11,148 คัน ลดลง 24.84% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว
  • รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 86 ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย 
  • รถ PPV มีจำนวน 3,099 คัน เพิ่มขึ้น  9.93% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว
  • รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 1,178 คัน ลดลง 7.97% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว
  •  รถประเภทอื่น ๆ มีจำนวน  1,158 คัน ลดลง 8.17% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว

ยอดขายรถยนต์สะสมตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2568 มีทั้งสิ้น 252,615 คัน ลดลง 2.98% จากปี 2567 ในระยะเวลาเดียวกัน​ แยกเป็น​

  •  รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 162,748 คันเท่ากับ 64.43%  ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 4.07% จากระยะเวลาเดียวกัน
    • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 44,821 คัน เท่ากับ 17.74% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 59.23% 
    • รถยนต์นั่งแหละรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 4,447 คัน เท่ากับ 1.77% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 353.31% 
    • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 3,543 คัน เท่ากับ 1.77% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 409.78% 
    • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 51,776 คัน เท่ากับ 20.50% ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ ลดลง 9.58% 
  • รถกระบะ มีจำนวน 62,467 คัน ลดลง 17.27% จากระยะเวลาเดียวกัน
  • รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 259 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย
  • รถ PPV มีจำนวน 15,365 คัน ลดลง 5.48% จากระยะเวลาเดียวกัน
  • รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 5,853 คัน ลดลง 14.01% จากระยะเวลาเดียวกัน
  • รถประเภทอื่น ๆ มีจำนวน 5,923 คัน เพิ่มขึ้น 9.54% จากระยะเวลาเดียวกัน

 

#ยอดขายรถยนต์2568 #ยอดขายรถยนต์ในประเทศ #กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ #สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย #สอท #FTI

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH