
ส่งออกไทย เม.ย. 2568 โต 10.2% ต่อเนื่อง 10 เดือน
การส่งออกของไทยในเดือนเมษายน 2568 โตต่อเนื่อง +10.2% เป็นเดือนที่ 10 สะท้อนศักยภาพเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก รัฐบาลแพทองธารเดินหน้านโยบายผลักดันการค้าเต็มกำลัง ส่งออกช่วง 4 เดือนแรกของปีโต +14.0%โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ โตแรง +23.8% ติดต่อกัน 19 เดือน – ขณะที่ตลาดสำคัญอื่นยังขยายตัวต่อเนื่อง
16 มิถุนายน 2568 - นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงผลการส่งออกของไทยประจำเดือนเมษายน 2568 มีมูลค่ารวม 25,625.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 857,700 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 10.2 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 โดยหากหักสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกยังขยายตัวร้อยละ 7.1 โดยกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ขณะเดียวกัน ตลาดส่งออกสำคัญของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อาเซียน และสหภาพยุโรป ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 14.0 และหากไม่รวมสินค้าน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย จะมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 12.1
นายพิชัย กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเข้มแข็งของภาคเศรษฐกิจไทย แม้ในช่วงที่ผ่านมา มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ แต่การส่งออกยังเติบโตได้ถึงร้อยละ 10.2 ในเดือนเมษายน และขยายตัวถึงร้อยละ 14.0 ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา และในช่วง 7 เดือนของท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่เข้ามาบริหารประเทศ เราขยายตัวได้ถึง 12.5% ซึ่งไม่เคยเห็นตัวเลขในระดับนี้มาหลายสิบปีแล้ว
“หลายฝ่ายเคยคาดว่าภาษีจากสหรัฐฯ จะทำให้ส่งออกไทยตกฮวบ แต่ตัวเลขพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง เรายังโตได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวถึง 23.8% และโตต่อเนื่องมาแล้ว 19 เดือนติดต่อกัน” นายพิชัยกล่าว
ตลาดสำคัญอื่น ๆ ก็มีการขยายตัวเช่นกัน อาเซียนขยายตัว 7.8% ต่อเนื่อง 2 เดือน เอเชียใต้ 8.7% ต่อเนื่อง 7 เดือน สหภาพยุโรป 6.1% ต่อเนื่อง 11 เดือน ญี่ปุ่น 5.5% ต่อเนื่อง 2 เดือน และจีน 3.2% ต่อเนื่อง 7 เดือน
สำหรับตลาดยุโรป นายพิชัยเปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรปให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเข้าพบกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า นายมารอส เซฟโควิช รวมถึงพบปะกับ OECD เพื่อผลักดันให้การเจรจาสำเร็จเร็วที่สุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการค้าของไทยในตลาดยุโรปได้อย่างมาก
ในประเด็นข้อกังขาเรื่องการเติบโตของดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเพียง 0.6% นายพิชัยชี้แจงว่าตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมผลผลิตจากการลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น แผงวงจรพิมพ์ (PCB) และอุตสหกรรมใหม่ ที่มีการลงทุนรวมถึง 2.5 ล้านล้านบาทในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา จึงสะท้อนภาพที่ไม่ครบถ้วน พร้อมย้ำว่าการส่งออกของไทยกำลังเปลี่ยนโครงสร้างไปสู่สินค้าที่มีเทคโนโลยีสูงมากขึ้น
ซึ่งการส่งออกยังคงเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยแม้ในกรณีที่ในช่วง 8 เดือนที่เหลือของปี 2568 การส่งออกไม่เติบโตเพิ่มเติมเลย ไทยก็ยังจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ยได้มากกว่าร้อยละ 4 ซึ่งมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
“หากสามารถเจรจากับสหรัฐฯ ให้ไทยได้รับอัตราภาษีในระดับเดียวกับประเทศอื่น ก็จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยได้อีกมาก” นายพิชัยกล่าว พร้อมระบุว่าการเจรจากับสหรัฐฯ คืบหน้าไปมาก และคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายใน 90 วัน ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่านโยบายส่งออกในปัจจุบันเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง และจะสามารถนำพาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
สรุปมูลค่าการค้ารวม
มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนเมษายน 2568
- การส่งออก มีมูลค่า 25,625.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัวร้อยละ 10.2 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
- การนำเข้า มีมูลค่า 28,946.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 16.1
- ดุลการค้า ขาดดุล 3,321.3ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภาพรวมการส่งออก 4 เดือนแรกของปี 2568
- การส่งออก มีมูลค่า 107,157.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 14.0 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- การนำเข้า มีมูลค่า 109,397.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 9.6
- ดุลการค้า ขาดดุล2,240.3ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนเมษายน 2568
- การส่งออก มีมูลค่า 857,700 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.9 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
- การนำเข้า มีมูลค่า980,655ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.5
- ดุลการค้า ขาดดุล122,956ล้านบาท
ภาพรวมการส่งออก 4 เดือนแรกของปี 2568
- การส่งออก มีมูลค่า 3,614,949 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- การนำเข้า มีมูลค่า 3,735,199 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.5
- ดุลการค้า ขาดดุล 120,251 ล้านบาท
การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร
มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 8.4 (YoY) หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือนโดยสินค้าเกษตร หดตัวร้อยละ 19.6 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 9.1 กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่
- ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 22.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 18 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล และอินเดีย)
- ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 8.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน มาเลเซีย และเนเธอร์แลนด์)
- น้ำตาลทราย ขยายตัวร้อยละ 36.0 กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ จีน นิวซีแลนด์และแทนซาเนีย)
- อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 10.1ขยายตัวต่อเนื่อง 19เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อิตาลี ฟิลิปปินส์ อินเดีย และเวียดนาม)
- ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 24.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 16 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน เมียนมา ออสเตรเลีย กัมพูชา และลาว)
- ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 17.1 กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดอินเดีย มาเลเซีย เมียนมา เวียดนาม และจีน)
- ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 21.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 19 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ และแคนาดา)
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่
- ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง หดตัวร้อยละ 38.5 กลับมาหดตัวหลังจากขยายตัวในเดือนก่อนหน้า (หดตัวในตลาดจีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง สหรัฐฯ และไต้หวัน แต่ขยายตัวในตลาดมาเลเซีย เวียดนามกัมพูชา อินโดนีเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
- ข้าว หดตัวร้อยละ 44.1 หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (หดตัวในตลาดอิรักแอฟริกาใต้ เซเนกัล เบนิน และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง และสิงคโปร์)
- อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป หดตัวร้อยละ 1.4 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลียอิสราเอล อียิปต์และแอฟริกาใต้แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น ลิเบีย แคนาดา ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
- ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง หดตัวร้อยละ 5.8 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (หดตัวในตลาดญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสหรัฐฯ แต่ขยายตัวในตลาดจีน เกาหลีใต้สิงคโปร์ลาว และบังกลาเทศ)
ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 2.3
การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม
มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 16.6 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 13 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่
- เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 75.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 13 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี)
- ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวร้อยละ 15.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และมาเลเซีย)
- แผงวงจรไฟฟ้า ขยายตัวร้อยละ 39.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดฮ่องกง ไต้หวัน จีน สิงคโปร์ และมาเลเซีย)
- อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 42.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง อินเดีย เยอรมนี และสหราชอาณาจักร)
- แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า ขยายตัวร้อยละ 38.3 ขยายตัวต่อเนื่อง 16 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เวียดนาม และมาเลเซีย)
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่
- รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 13.8 กลับมาหดตัวในรอบ 3 เดือน (หดตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และมาเลเซีย แต่ขยายตัวในตลาดเวียดนาม แอฟริกาใต้ อาร์เจนตินา ชิลี และจีน)
- เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 13.1 หดตัวในรอบ 14 เดือน (หดตัวในตลาดจีน เยอรมนี มาเลเซีย เวียดนาม และ อาร์เจนตินา แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย และสิงคโปร์)
- เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 15.5 กลับมาหดตัวหลังจากขยายตัวในเดือนก่อนหน้า (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ ฮ่องกง เมียนมา และสาธารณรัฐเช็ก แต่ขยายตัวในตลาดเม็กซิโก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ญี่ปุ่น ไอร์แลนด์ และสิงคโปร์)
- เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ หดตัวร้อยละ 7.6 กลับมาหดตัวหลังจากขยายตัวในเดือนก่อนหน้า (หดตัวในตลาดมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย ญี่ปุ่น จีน และแคนาดา)
- อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หดตัวร้อยละ 33.1 หดตัวต่อเนื่อง 14 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และสาธารณรัฐเช็ก แต่ขยายตัวในตลาดฮ่องกง จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย และสิงคโปร์)
ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 18.7
ตลาดส่งออกสำคัญ
การส่งออกไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยยังคงมีปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากการเร่งส่งออกท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ที่ขยายตัวสูง หลังการเลื่อนเก็บภาษีศุลกากรต่างตอบแทนออกไปอีก 90 วัน (จนถึง 9 ก.ค. 68) ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี
- ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 12.7 โดยขยายตัวต่อเนื่องในตลาดสหรัฐฯ ร้อยละ 23.8 จีน ร้อยละ 3.2 ญี่ปุ่น ร้อยละ 5.5 สหภาพยุโรป (27) ร้อยละ 6.1 อาเซียน (5) ร้อยละ 7.8 และ CLMV ร้อยละ 25.2
- ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 1.4 โดยขยายตัวในตลาดเอเชียใต้ร้อยละ 8.7 รัสเซียและกลุ่ม CIS ร้อยละ 8.1 และสหราชอาณาจักร ร้อยละ 16.2 แต่หดตัว ในตลาดทวีปออสเตรเลีย ร้อยละ 4.0 ตะวันออกกลาง ร้อยละ 15.7 แอฟริกา ร้อยละ 9.5 และลาตินอเมริกา ร้อยละ 3.4
- ตลาดอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 125.5
ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 23.8(ขยายตัวต่อเนื่อง 19เดือน)สินค้าสำคัญที่ขยายตัวเช่น เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้าและอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าสำคัญที่หดตัวเช่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์ และไดโอด เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 25.0
ตลาดจีน ขยายตัวร้อยละ 3.2(ขยายตัวต่อเนื่อง 7เดือน)สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และยางพารา สินค้าสำคัญที่หดตัวเช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบและเม็ดพลาสติก ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 14.3
ตลาดญี่ปุ่น ขยายตัวร้อยละ 5.5(ขยายตัวต่อเนื่อง 2เดือน)สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ยางพารา สินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆและอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 1.3
ตลาดสหภาพยุโรป (27) ขยายตัวร้อยละ 6.1(ขยายตัวต่อเนื่อง 11เดือน)สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ และเลนซ์ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 7.0
ตลาดอาเซียน (5) ขยายตัวร้อยละ 7.8(ขยายตัวต่อเนื่อง 2เดือน)สินค้าสำคัญที่ขยายตัวเช่น อัญมณีและเครื่องประดับน้ำตาลทรายและน้ำมันสำเร็จรูป สินค้าสำคัญที่หดตัวเช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ และยางพารา ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 6.2
ตลาด CLMV ขยายตัวร้อยละ 25.2(ขยายตัวต่อเนื่อง 2เดือน)สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์สินค้าสำคัญที่หดตัวเช่น น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย และเม็ดพลาสติก ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 9.3
ตลาดเอเชียใต้ ขยายตัวร้อยละ 8.7(ขยายตัวต่อเนื่อง 7เดือน)สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เคมีภัณฑ์ เส้นใยประดิษฐ์ และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 60.5
ตลาดทวีปออสเตรเลีย หดตัวร้อยละ4.0(หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน)สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิวสินค้าสำคัญที่ขยายตัวเช่น น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทรายและเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 หดตัวร้อยละ 12.9
ตลาดตะวันออกกลาง หดตัวร้อยละ15.7(กลับมาหดตัวในรอบ 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเส้นใยประดิษฐ์ ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 4.4
ตลาดทวีปแอฟริกา หดตัวร้อยละ 9.5(กลับมาหดตัวในรอบ 6 เดือน)สินค้าสำคัญที่หดตัวเช่น ข้าว น้ำตาลทราย และเม็ดพลาสติก สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 2.9
ตลาดลาตินอเมริกา หดตัวร้อยละ 3.4(กลับมาหดตัวในรอบ 13เดือน)สินค้าสำคัญที่หดตัวเช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าสำคัญที่ขยายตัวเช่น หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 11.2
ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ขยายตัวร้อยละ8.1(กลับมาหดตัวในรอบ 3เดือน)สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าสำคัญที่หดตัวเช่นรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 23.0
ตลาดสหราชอาณาจักร ขยายตัวร้อยละ 16.2(ขยายตัวต่อเนื่อง 10เดือน)สินค้าสำคัญที่ขยายตัวเช่น อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบ และไก่แปรรูป สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 9.2
แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป
แนวโน้มการส่งออกในปี 2568 ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าไทยจะยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจถูกเรียกเก็บภายหลังพ้นจากช่วงเวลาที่ได้รับการยกเว้น 90 วัน ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ประชุมหารือกันอย่างต่อเนื่องในการเตรียมพร้อมแนวทางการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และวางแผนออกมาตรการเยียวยาเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการ ตลอดจนทำงานเชิงรุกผ่านการเจรจา FTA ในระดับต่าง ๆ อาทิ การพัฒนาสินค้าให้มีมูลค่าสูง เร่งรัดการเปิดตลาดใหม่ ควบคู่กับการใช้มาตรการเชิงรับ อาทิ การป้องกันการสวมสิทธิ์ส่งออก การป้องกันการลักลอบนำเข้า การบังคับใช้กฎระเบียบด้านคุณภาพและมาตรฐานสินค้า และการติดตามเฝ้าระวังการเบี่ยงเบนทางการค้า สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างเครื่องมือและกลไกต่าง ๆ เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการค้าของโลก ด้วยเป้าหมายที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และรักษาระดับการเติบโตของการส่งออกไทยให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2568 แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน
#ส่งออกไทย #เศรษฐกิจไทย #ตลาดสหรัฐ #FTA #การค้าโลก #MReportTH #IndustryNews
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ 2567
- 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2568
- คาร์บอนเครดิต คือ
- ยอดขายมอเตอร์ไซด์ 2567
- “ยานยนต์ไร้คนขับ” กับทิศทางการเติบโตในปี 2022-2045
- ยอดลงทุนปี 67 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
- ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้า 2567
- สถิติส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไทยปี 2567
- เทคโนโลยีในงานโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง
- 5 เทคนิค “มือใหม่ใช้เครื่อง CNC”
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH