ส่งออกไทย 2567 เดือนเมษายน ขยายตัว 6.8% พลิกกลับมาบวกอีกครั้ง

ส่งออกไทย 2567 เดือนเมษายน ขยายตัว 6.8% พลิกกลับมาบวกอีกครั้ง

อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 2567
  • Share :
  • 759 Reads   

สถานการณ์ส่งออกในเดือนเมษายน 2567 ไทยทำตัวเลขส่งออกมูลค่า 23,278.6 ล้านเหรียญสหรัฐ  (834,018 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 6.8 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 11.4 

23 พฤษภาคม 2567 สำนักนโยบบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขการส่งออกเดือนเมษายน 2567 การส่งออกของไทยพลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวกอีกครั้ง สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่มีมุมมองว่า เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวที่ดีจากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยของโลกที่ชะลอตัวลง ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการผลิตทั่วโลก โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นหลายรายการ ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง แต่อานิสงส์ด้านราคาตามความต้องการของตลาดโลก ส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรบางรายการยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การส่งออกไทย 4 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 1.4 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 3.7

สรุปมูลค่าการค้ารวม

มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนเมษายน  2567

  • การส่งออก มีมูลค่า 23,278.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 6.8 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
  • การนำเข้า มีมูลค่า 24,920.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 8.3
  • ดุลการค้า ขาดดุล 1,641.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • ภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออก มีมูลค่า 94,273.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 1.4 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 100,390.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 4.9 ดุลการค้า 4 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 6,116.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนเมษายน 2567

  • การส่งออก มีมูลค่า 834,018 ล้านบาท ขยายตัว ร้อยละ  12.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
  • การนำเข้า มีมูลค่า 903,194 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 14.2
  • ดุลการค้า ขาดดุล 69,176 ล้านบาท
  • ภาพรวม 4  เดือนแรกของปี 2567 การส่งออก มีมูลค่า 3,338,028 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 3,595,217 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.7 ดุลการค้า 4 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 257,190 ล้านบาท

การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร

มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 2.0 (YoY) กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน โดยสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 12.7 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน ขณะที่สินค้าเกษตร หดตัวร้อยละ 3.8 กลับมาหดตัวในรอบ 4 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัวได้แก่ ข้าว ขยายตัว ร้อยละ 91.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดอิรัก อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ สหรัฐฯ และจีน) ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 36.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และเวียดนาม) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 14.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย แคนาดา ลิเบีย และอิสราเอล) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 52.9 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น มาเลเซีย ออสเตรเลีย และอิตาลี) ไก่แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 17.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ไอร์แลนด์ และเยอรมนี) เครื่องดื่ม ขยายตัวร้อยละ 10.5 กลับมาขยายตัวหลังจากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดกัมพูชา เมียนมา เวียดนาม ลาว และมาเลเซีย) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 21.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และลาว) และสิ่งปรุงรสอาหาร ขยายตัวร้อยละ 23.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และเนเธอร์แลนด์)

ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง หดตัวร้อยละ 29.8 หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (หดตัวในตลาดจีน ฮ่องกง สหรัฐฯ มาเลเซีย และเวียดนาม แต่ขยายตัวในตลาดเกาหลีใต้ญี่ปุ่น สิงคโปร์อินเดีย และเมียนมา) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง หดตัวร้อยละ 9.6 หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (หดตัวในตลาดจีน เกาหลีใต้ บังกลาเทศ แอฟริกาใต้ และรัสเซีย แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย และสหรัฐฯ) น้ำตาลทราย หดตัวร้อยละ 9.1 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (หดตัวในตลาดอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์เมียนมาและฟิลิปปินส์แต่ขยายตัวในตลาดกัมพูชา มาเลเซีย ลาว เวียดนาม และญี่ปุ่น) ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ หดตัวร้อยละ 4.7 หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (หดตัวในตลาดอินเดีย เวียดนาม เกาหลีใต้ กัมพูชา และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวในตลาดมาเลเซีย เมียนมา ฮ่องกง จีน และอินโดนีเซีย) ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 0.8

การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม

มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 9.2 (YoY) กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 20.4 กลับมาขยายตัวในรอบ 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สหรัฐฯ ซาอุดีอาระเบีย และอินโดนีเซีย) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 62.0 กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 58.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน เยอรมัน อินเดีย และฮ่องกง) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 12.9 กลับมาขยายตัวในรอบ 11 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เวียดนาม ออสเตรเลีย เยอรมนี และอินเดีย) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ขยายตัวร้อยละ 23.3 กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดสิงคโปร์ สหรัฐฯ อินโดนีเซีย แคนาดา และเกาหลีใต้) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 32.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ เม็กซิโก ไต้หวัน และมาเลเซีย)

ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน หดตัวร้อยละ 5.7 หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (หดตัวในตลาดเวียดนาม กัมพูชา ญี่ปุ่น สิงคโปร์และเมียนมา แต่ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย อินเดีย ลาว และอินโดนีเซีย) แผงวงจรไฟฟ้า หดตัวร้อยละ 9.2 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (หดตัวในตลาดสิงคโปร์ จีน ไต้หวัน สหรัฐฯและฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวในตลาดฮ่องกง ญี่ปุ่น เยอรมนี มาเลเซีย และเกาหลีใต้) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด หดตัวร้อยละ 15.9 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดฮ่องกง เวียดนาม จีน สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และไต้หวัน) ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 1.8

ตลาดส่งออกที่สำคัญ 

ตลาดส่งออกสำคัญส่วนใหญ่กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อน สอดคล้องกับสัญญาณการขยายตัวของภาคการผลิตโลก อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปตลาดจีน และญี่ปุ่นยังคงหดตัว ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ (1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 6.7 โดยขยายตัวต่อเนื่องในตลาดสหรัฐฯ ร้อยละ 26.1และ CLMVร้อยละ 5.1กลับมาขยายตัวในตลาดอาเซียน (5) ร้อยละ 3.7 และ สหภาพยุโรป (27) ร้อยละ 20.2 แต่หดตัวต่อเนื่องในตลาดจีน ร้อยละ7.8 และญี่ปุ่น ร้อยละ 4.1 (2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 14.4 โดย ตลาดทวีปออสเตรเลียขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 18.6และกลับมาขยายตัวในตลาดเอเชียใต้ร้อยละ13.0ตะวันออกกลาง ร้อยละ 17.8 แอฟริกา ร้อยละ 32.1 ลาตินอเมริกา ร้อยละ 41.9 รัสเซียและกลุ่ม CIS ร้อยละ 8.6 ขณะที่สหราชอาณาจักร หดตัวร้อยละ 33.7 (3) ตลาดอื่น ๆ หดตัวร้อยละ 68.5 อาทิ สวิตเซอร์แลนด์หดตัวร้อยละ 79.3

ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 26.1 (ขยายตัวต่อเนื่อง 7เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยางและเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 13.4

ตลาดจีน หดตัวร้อยละ 7.8 (หดตัวต่อเนื่อง 3เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ผลิตภัณฑ์ยาง และเม็ดพลาสติก เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบไม้และผลิตภัณฑ์ไม้และยางพาราเป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 หดตัวร้อยละ 6.0

ตลาดญี่ปุ่น หดตัวร้อยละ 4.1 (หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ไก่แปรรูป
เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 หดตัวร้อยละ 8.0

ตลาดสหภาพยุโรป (27) กลับมาขยายตัวร้อยละ 20.2 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ และแผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 6.3

ตลาดอาเซียน (5) ขยายตัวร้อยละ 3.7 (กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์และข้าว เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น น้ำมันสำเร็จรูป แผงวงจรไฟฟ้าและอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 หดตัวร้อยละ 3.3

ตลาด CLMV ขยายตัวร้อยละ 5.1 (ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องดื่ม และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น น้ำมันสำเร็จรูปรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 6.2

ตลาดเอเชียใต้ขยายตัวร้อยละ 13.0 (กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เม็ดพลาสติก และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์เป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 0.5

ตลาดทวีปออสเตรเลีย ขยายตัวร้อยละ 18.6 (ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติกเป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 21.3

ตลาดตะวันออกกลาง ขยายตัวร้อยละ 17.8 (กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่นรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้และเคมีภัณฑ์เป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 หดตัวร้อยละ 0.6

ตลาดแอฟริกา ขยายตัวร้อยละ 32.1 (กลับมาขยายตัวในรอบ 6เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ข้าว รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 หดตัวร้อยละ 8.3

ตลาดลาตินอเมริกา กลับมาขยายตัวร้อยละ 41.9 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เม็ดพลาสติก อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 6.3

ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS กลับมาขยายตัวร้อยละ 8.6 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และผลไม้กระป๋องและแปรรูป เป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 19.3

ตลาดสหราชอาณาจักร หดตัวร้อยละ 33.7 (หดตัวต่อเนื่อง 8 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถจักรยานยนต์และและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ไก่แปรรูป เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น ทั้งนี้ 4 เดือนแรกของปี 2567 หดตัวร้อยละ 17.2

การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์

การส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ดำเนินงานที่สำคัญในเดือนเมษายน อาทิ (1) การส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร การบรรลุข้อตกลงขายข้าวล็อตแรก ในรูปแบบรัฐต่อรัฐกับอินโดนีเซีย ปริมาณ 55,000 ตัน โดยเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป ตามนโยบาย “รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ ในการส่งออกไปต่างประเทศ” นอกจากนี้มีการผลักดันให้ผู้ส่งออกกล้วยหอมทองจากจังหวัดนครราชสีมา ใช้สิทธิ์ตามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ให้มากขึ้น มีเป้าหมายการส่งออกจำนวน 120 ตันต่อเดือน และมีแผนที่จะส่งออกให้ได้ถึง 8,000 ตันต่อปี ในอนาคต (2) การเจรจาความตกลงเพื่อเปิดตลาดสินค้าใหม่ ไทย-บังกลาเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ทั้งสองประเทศร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงเริ่มการเจรจา FTA ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยบังกลาเทศสนใจจะนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากไทยเพื่อความมั่นคงทางอาหาร อาทิ น้ำตาลทราย น้ำมันพืช และถั่วต่าง ๆ และ (3) การอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคการส่งออกผลไม้ไปจีน การหารือกับผู้ว่าการมณฑลยูนนาน เพื่อขอให้ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า ผ่าน 3 เส้นทางคือ ทางรถ ทางราง และทางเรือ ในช่วงฤดูการส่งออกผลไม้ของไทย

แนวโน้มการส่งออกในปี 2567

กระทรวงพาณิชย์คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 2567 จะยังสามารถเติบโตได้ดีจากความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวและปัญหาเงินเฟ้อที่เริ่มบรรเทาลงส่งผลดีต่อกำลังซื้อในหลายประเทศขณะที่สภาพอากาศแปรปรวนสร้างแรงผลักดันต่อราคาสินค้าเกษตรและความต้องการนำเข้าเพื่อความมั่นคงทางอาหาร แต่กดดันปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดโลก นอกจากนี้ยังมีความไม่แน่นอนจากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มขยายวงกว้างซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามประเมินสถานการณ์เป็นระยะ และจะทำงานร่วมกับทูตพาณิชย์ในแต่ละประเทศเพื่อแสวงหาแนวทางสร้างโอกาสและลดอุปสรรคในการส่งออกต่อไป

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH