ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค. 2568 ฟื้นทุกดัชนี ครั้งแรกในรอบ 9 เดือน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค. 2568 ฟื้นทุกดัชนีครั้งแรกในรอบ 9 เดือน หนุนด้วยมาตรการรัฐ

อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 2568
  • Share :

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนตุลาคม 2568 ปรับเพิ่มจาก 50.7 เป็น 51.9 ฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนที่ ทุกดัชนีปรับดีขึ้นพร้อมกัน สะท้อนความหวังของประชาชนต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แม้ภาพรวมยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคยังมองว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าและค่าครองชีพยังอยู่ในระดับสูง

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนตุลาคม 2568 ที่จัดทำโดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและหอการค้าไทย ได้ดำเนินการโดยออกแบบสอบถามตัวอย่างจากประชาชนทั่วประเทศเป็นจำนวน 2,244 คน แยกเป็นกลุ่มตัวอย่างในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ร้อยละ 40.2 และต่างจังหวัดร้อยละ 59.8 โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชาย และเพศหญิง ประมาณร้อยละ 49.8และ 50.2 ตามลำดับ

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นของหอการค้าไทย

ปัจจัยด้านบวก

  • ปัจจัยการเมืองในประเทศเริ่มมีความชัดเจนขึ้น หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูลเป็ นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 พร้อมทั้งได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 29-30 กันยายน 2568 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะหนุนความเชื่อมั่น บรรยากาศการลงทุน และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
  • รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการ “คนละครึ่งพลัส” คลอบคลุมประชาชน 20 ล้านคน เพื่อเพิ่มกำลังซื้อลดรายจ่ายและกระจายรายได้สู่ร้านค้าท้องถิ่น โดยเปิดลงทะเบียนผ่านแอป “เป๋าตัง” วันที่ 20-26 ตุลาคม 2568 และเริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568 โดยต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 11 พฤศจิกายน 2568 ผู้ที่ยื่นภาษีได้รับวงเงินสิทธิสูงสุด 2,400 บาท ส่วนผู้ที่ไม่ยื่นภาษีได้รับสูงสุด 2,000 บาท
  • มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ เช่น ค่าที่พัก และค่าอาหาร มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุด 30,000 บาท โดยสามารถใช้สิทธิได้ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม - 15 ธันวาคม 2568 เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศให้เติบโตยิ่งขึ้น
  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบื้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%ต่อปี โดยกรรมการเสียงข้างมากเห็นว่า ควรรักษานโยบายการเงินให้อยู่ในระดับผ่อนคลายและรอดูผลของการลดดอกเบี้ยครั้งก่อน เนื่องจากขีดความสามารถของนโยบายการเงินมีจำกัด ขณะที่กรรมการ 2 เสียงเห็นว่าควรลดอตัราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตวัของเศรษฐกิจและบรรเทาภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง และคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัว 2.2% ส่วนปี 2569 จะขยายตัว 1.6%

  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 โดยคาดว่าจะขยายตัว 2.4% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์1.9%-2.9%) ปรับเพิ่มจากประมาณการครั้งก่อนที่ขยายตัว 2.2% ต่อปี (ณ กรกฎาคม 2568) เนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายปี ที่คาดว่าจะกระ ตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้ขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 และภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องส่วนในปี 2569 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2.0% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์1.5%-2.5%) เนื่องจากมีการเร่งส่งออกในปี 2568 เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐเป็นสำคัญ

  • SET Index ในเดือนตุลาคม 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 35.33 จุด โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1,274.17 จุด ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 เป็น 1,309.50 จุด ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568 โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภาครัฐ การคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ภายหลังการประชุม APEC รวมถึงการลดอตัราดอกเบ้ียของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ลง 0.25%

  • การส่งออกของไทยในเดือนกันยายน 2568 มีมูลค่า 30,970.70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 19.00% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 29,695.55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 17.17% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 1,275.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ช่วง 9 เดือนปี 2568 ส่งออกได้รวม 254,146.49 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.94 และมีการนำเข้ารวม 254,575.81 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.92 ส่งผลให้ขาดดุลการค้ารวม 429.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบขยายเวลาคงอตัราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไว้ที่ 7% ต่ออีก 1 ปีโดยนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึง 30 กันยายน 2569 เพื่อส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

  • ระดับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง โดยราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล ออกเทน 95 (E10) ปรับตัวลดลงประมาณ 0.80 และ 0.80 บาทต่อลิตร จากระดับ 32.28 และ 32.65 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 ตามลำดับ มาอยู่ที่ระดับ 31.48 และ 31.85 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568 ตามลำดับ ส่วนราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศ ปรับตัวลดลงประมาณ 1.00 บาทต่อลิตร จากระดับ 31.94 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 มาอยู่ที่ระดับ 30.94 บาทต่อลิตร ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568

  • เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย จากระดับ 32.006 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนกันยายน2568 เป็น 32.551 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการส่งออกและกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวมของไทย

ปัจจัยด้านลบ

  • ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้า ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพ รวมถึงผู้บริโภคยังรู้สึกว่ารายได้ในปัจจุบบันไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น
  • ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดโดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคกลางที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร
  • ราคาข้าวเปลือกเจ้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มันสำปะหลัง และยางพารา อยู่ในระดับต่ำกว่าปี ที่ผ่านมา ส่งผลใหเ้กษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่มากนัก มีผลต่อกำลังซื้อในบางพื้นที่ต่างจังหวัดในระยะนี้
  • ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายไทย -กัมพูชา ที่ยกระดับจนเกิดเหตุรุนแรงจนเกิดการสู้รบในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม แม้ว่าจะมีการเจรจาหยุดยิงก็ตาม แต่สถานการณ์ดังกล่าว ยังส่งผลให้เกิดความ
    กังวลต่อประชาชนในจังหวัดตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา รวมทั้งบรรยากาศการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนที่ชะงักงัน
  • ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่ยังคงยืดเยื้อ ทั้งสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับขบวนการฮามาส (Hamas) ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาน้ำมันและพลังงานโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น

จากผลของการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนตุลาคม 2568 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 9 เดือน และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความหวังและมีความเชื่อมั่นว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะทำให้ฟื้นตัวได้ในระยะสั้น แม้ว่ายังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามการค้าที่สหรัฐฯ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาที่อาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยอาจฟื้นตัวได้ช้าก็ตาม

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 45.5 49.7 และ 60.6 ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน โดยปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนกันยายน ที่อยู่ในระดับ 44.4 48.5 และ 59.3 ตามลำดับ การที่ดัชนีทุกรายการยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจนแม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังไม่มีผลงานที่ออกมาเป็นรูปธรรมและค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงจากสงครามการค้า และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 50.7 เป็น 51.9 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 9 เดือน การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพสูง ตลอดจนปัญหาสงครามการค้าและสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้ 

ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน จากระดับ 34.4 เป็น 35.3 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 9 เดือน จาก 58.7 มาอยู่ที่ระดับ 60.1 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความเชื่อมั่นในปัจจุบัน แต่ผู้บริโภคเริ่มมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้จากนโยบายคนละครึ่งพลัสและนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาล ซึ่งจะต้องตามดูสถานการณ์ต่อไปว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนถัดไปจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมากน้อยเพียงใด  คาดว่าผู้บริโภคจะเริ่มจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในไตรมาสที่ 4 นี้

 

#ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค #เศรษฐกิจไทย #GDP Thailand #อุตสาหกรรมไทย #MReportTH #IndustryNews

 

ทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH