ส่งออกไทย 2567 เดือนกรกฎาคม ขยายตัว 15.2% สูงสุดในรอบ 28 เดือน
สถานการณ์ส่งออกในเดือนกรกฎาคม 2567 ไทยทำตัวเลขส่งออกมูลค่า 25,720.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (938,285 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 15.2 นับเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 28 เดือน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565
27 สิงหาคม 2567 สำนักนโยบบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขการส่งออกเดือนกรกฎาคม 2567 การส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2567 มีมูลค่า 25,720.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (938,285 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 15.2 นับเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 28 เดือน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธป[จจัย ยังคงขยายตัวร้อยละ 9.3 โดยการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั่วโลก ช่วยเพิ่มอำนาจซื้อให้กับผู้บริโภค เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการฟื้นตัวนี้ ขณะที่การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นและการปรับตัวของค่าจ้างในประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะในยุโรป ส่งผลให้การบริโภคฟื้นตัว เป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกของไทย โดยตลาดหลักที่กลับมาฟื้นตัวได้ดี อาทิ สหรัฐฯ จีน อาเซียน และสหภาพยุโรป สอดคล้องกับการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกของ IMF ที่ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกจะไดPรับปSจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจากการส่งออกที่ขยายตัวไดPดี และเศรษฐกิจยุโรปที่ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดแล้ว ทั้งนี้ การส่งออกไทย 7 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 3.8 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธป[จจัย ขยายตัวร้อยละ 4.0
สรุปมูลค่าการค้ารวม
มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนกรกฎาคม 2567
- การส่งออก มีมูลค่า 25,720.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 15.2 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
- การนำเข้า มีมูลค่า 27,093.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 13.1
- ดุลการค้า ขาดดุล 1,373.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ภาพรวม 7 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออก มีมูลค่า 171,010.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 3.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 177,626.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว ร้อยละ 4.4 ดุลการค้า 7 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 6,615.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนกรกฎาคม 2567
- การส่งออก มีมูลค่า 938,285 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 21.8 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
- การนำเข้า มีมูลค่า 999,755 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 19.4
- ดุลการค้า ขาดดุลดุล 61,470 ล้านบาท
- ภาพรวม 7 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออก มีมูลค่า 6,129,300 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.4 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 6,437,235 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.9 ดุลการค้า 7 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 307,935 ล้านบาท
การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร
มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 8.7 (YoY) กลับมาขยายตัวหลังจากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า โดยกลับมาขยายตัวทั้งสินค้าเกษตร ขยายตัวร้อยละ 3.7 และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 14.6 โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 55.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน ตลาดอิรัก สหรัฐฯ เบนิน เขเนกัล และโมซัมบิก) ไก่สด แซ่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 13.6 กลับมาขยายตัวหลังจากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ และฮ่องกงกง) อาหารทะเลกระป้องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 20.4 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย แคนาดา ลิเบีย และอียิปต์) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 26.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อิตาลี ออสเตรเลีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์) และไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 308.4 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินเดีย มาเลเชีย เมียนมา จีน และเกาหลีใต้)
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ผลไม้สด แช่เย็น แซ่แข็ง และแห้ง หดตัวร้อยละ 25.9 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และแคนาดา แต่ขยายตัวในตลาดเวียดนาม สหรัฐฯ อินโดนีเชีย เกาหลีไต้ และญี่ปุ่น) ผลิตภัณฑ์มันฑ์มันสำปะหลัง หดตัวร้อยละ 6.5 หดตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (หดตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น ได้หวัหวัน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเชีย เกาหลใต้ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และอินเดีย) น้ำตาลทราย หดตัวร้อยละ 39.1 หดตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (หดตัวในตลาดลาว ไต้หวัน มาเลเซีย จีน และสหรัฐฯ แต่ขยายตัวในตลาดเกาหลีใต้ กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา และ ปาปัวนิวกินี) และเครื่องดื่ม หดตัวร้อยละ 10.4 หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (หดตัวในตลาดกัมพูชา เวียดนาม เมียนมา มาเลเชีย และสิงคโปร์ แต่ขยายตัวในตลาดจีน ลาว ฟิลิปปินส์ ฮ่องกงและออสเตรเลีย) ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว ร้อยละ 4.0
การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม
มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 15.6 (YoY) กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ขยายตัวร้อยละ 28.0 กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดจีน อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และสิงคโปร์) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 82.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน เนเธอร์แลนต์ ฮ่องกงและเยอรมนี) ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวร้อยละ 13.3.8 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน อินเดีย มาเลเขีย เกาหลีใด้ และอินโดนีเซีย) เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 34.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 14 เดือน (ขยายตัวโนตลาดสหรัฐฯ มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 27.8 กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเสีย เวียดนาม อินเดีย และญี่ปุ่น)
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และละส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 12.8 กลับมาหดตัวหลังจากขยายตัวในเดือนก่อนหน้า (หดตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และชาอุดีอาระเบีย แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เวียดนาม บราซิล จีน และสหราชอาณาจักร) แผงวงจรไฟฟ้า ทดตัวร้อยละ 8.7 หดตัวต่อเนื่อง 7 เดือน (หดตัวในตลาดสิงคโปร่ ไต้หวัน จีน เยอรมนี และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวในตลาดฮ่องกง มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเม็กซิโก) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และโดโอด หดตัวร้อยละ 16.6 หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ สิงคโปร์สาธารณรัฐเช็ก อินโดนีเซีย และมาเก้า แต่ขยายตัวในตลาด ฮ่องกง ญี่ปุ่น อินเดีย จีน และเกาหลีได้) เครื่องยนต์สันดาปภายในลูกสูบและส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 15.0 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (หดตัวในตลาดแอฟริกาใต้ อินโดนีเชีย สหรัฐฯ มาเลเซีย และญี่ปุ่น แต่ขยายตัวในตลาดอินเดีย อาร์เจนตินา สหราชอาณาจักร เวียดนาม และบราซิล) ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว ร้อยละ 3.8
ตลาดส่งออกที่สำคัญ
การส่งออกไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัวได้ดี ตามภามภาพรวมเศรษฐกิจคู่ค้าที่มีสัญญาณปรับดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดหลัก อาทิ สหรัฐฯ จีน อาเซียน (5) กลุ่ม CLMV และสหภาพยุโรป ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ (1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 16.2 โดยขยายตัวต่อเนื่องในตลาดสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (27) และ CLMM ร้อยละ 26.3 ร้อยละ 17.1 และร้อยละ 19.8 ตามลำดับ และกลับมาขยายตัวในตลาดจีน ร้อยละ 9.9 และอาเซียน (5) ร้อยละ 17.8 ขณะที่ตลาดญี่ปุ่น ยังคงหดตัวร้อยละ 2.5 (2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 4.6 โดยยายตัวในตลาดเอเซียใต้ ร้อยละ 29.5 ลาตินอเมริกา ร้อยละ 4.4 รัสเซียและกล่ม CIS ร้อยละ 0.5 และสหราชอามาจักร ร้อยละ 13.3 ขณะที่หดตัวในตลาดทวีปออสเตรเลีย ร้อยละ 2.8 ตะวันออกกลาง ร้อยละ 3.7 แอฟริกา ร้อยละ 6.7 (3) ตลาดอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 331.3
ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 26.3 (ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ณฑ์ยาง อุปกรณ์กึ่งตัวตัวทำ ทรานซิสเตอร์ และไดโดโอด และเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ เป็นต้น ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 13.3
ตลาดจีน กลับมาขยายตัวตัวร้อยละ 9.9 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และยางพารา เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เม็ดพลาสติก และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 0.3
ตลาดญี่ปุ่น หดตัวร้อยละ 2.5 (หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และอาหารทะเลกระป้องและแปรรูป เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ไก่แปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 หดตัวร้อยละ 6.9
ตลาดสหภาพยุโรป (27) ขยายตัวร้อยละ 17.1 (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัตท์ยาง และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 6.1
ตลาดอาเซียน (5) กลับมาขยายตัวร้อยละ 17.8 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น น้ำมันสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 หดตัวร้อยละ 0.01
ตลาด CLMV ขยายตัวร้อยละ 19.8 (ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอัญมณีและและเครื่องประดับ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว และผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้นต้น ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 8.6
ตลาดเอเชียใต้ ขยายตัวร้อยละ 29.5 (ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เคมีภัณฑ์ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้นต้น ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 9.0
ตลาดทวีปออสเตรเลีย หดตัวร้อยละ 2.8 (หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขมที่ขยายตัว เช่น เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เป็นต้นต้น ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 9.6
ตลาดตะวันออกกลาง กลับมาหดตัวร้อยละ 3.7 สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องยนต์สันดาปภายใน และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ข้าว อาหารทะเลกระป้องและและแปรรูปและเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 หดตัวร้อยละ 0.6
ตลาดแอฟริกา กลับมาหดตัวร้อยละ 6.7 สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องยนต์สันดาปภายใน และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ข้าว ผลิตภัตต์ยางและอาหารทะเลกระป้องและแปรรูป เป็นต้น ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 หดตัวร้อยละ 4.9
ตลาดลาตินอเมริกา ขยายตัวร้อยละ 4.4 (ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ผลิตภัตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์นท์พลาสติก เป็นตัน ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 10.2
ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS กลับมาขยายตัวร้อยละ 0.5 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และผลไม้กระป้องและแปรรูป เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลิตภัตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป้องและแปรรูป และอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 ขยายตัว ร้อยละ 8.3
ตลาดสหราชอาณาจักรขยายตัวร้อยละ 13.3 (กลับมาขยายตัวในรอบ 11 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ไก่แปรรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอาศและส่วนประกอบ และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เป็นต้น ทั้งนี้ 7 เดือนแรกของปี 2567 หดตัวร้อยละ 11.5
การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป
การส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ดำเนินงานที่สำคัญในเดือนกรกฎาคม อาทิ (1) การนำทัพผู้ส่งออกข้าวไทยบุกตลาดฟิลิปปินส์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้จัดคณะผู้แทนเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมข้าวไทย ณ กรุงมะนิลา เข้าร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยภายใต้คอนเซป "Premium Thai Rice with Authentc Thai Food" พร้อมลงนาม MOU การซื้อขายข้าวระหว่างผู้ส่งออกไทยกับผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ จำนวน 9 ฉบับ ปริมาณรวม 130,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยในฟิลิปปินส์ได้เพิ่มขึ้น (2) มาตรการระบายสินค้าลำไยสู่ตลาดต่างประเทศ โดยกรมการค้าภายในเร่งหารือกับผู้ส่งออก เพื่อนำสินค้าลำไยออกสู่ตลาดอินโดนีเชีย และอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการ และมีศักยภาพสูง รวมทั้งตลาดจีน โดยได้ประสานกับบริษัทขนส่งทางเรือเพื่อดูแลการขนส่ง และดูแลตู้สินค้าให้เพียงพอ เพื่อทำให้การส่งออกเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็ว (3) การหารือความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทย-จีน ในเวทีประชุม "ชับ-คอมมิทตี ไทย-จีน" ครั้งที่ 3 ณ กรุงเทพฯ โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกัน ผลักดันให้จีนเร่งเปิดตลาดสินค้าสำคัญ อาทิ โคมีชีวิต ผลไม้ (สละและอินทผลัม) เพิ่มการนำเข้าข้าวจากไทย ตลอดจนเร่งพัฒนาด่านท่าเรือกวนเหล่ยในมณฑลยุนนานให้เป็น "ด่านจำเพาะสำหรับการนำเข้าผลไม้" เพื่อเพิ่มช่องทางการขนส่งผลไม้ส่งออกจากไทยไปจีน พร้อมพาผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่จีน เพื่อขยายฐานการค้าระหว่างทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืน
แนวโน้มการส่งออกในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 2567 จะทยอยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามภาวะเศรษฐกิจและการค้าโลกที่กำลังปรับตัวดีขึ้น รวมถึงสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการผลิตอุตสาหกรรมของโลก ขณะเดียวกันคาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจกิจดีจะสนับสนุนสินค้าที่เกี่ยวเนื่องให้เติบโตตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่กดดันการส่งออกจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ และความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าหลังการเลือกตั้งในหลายประเทศที่สำคัญ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ 2566
- คาร์บอนเครดิต คือ
- อบรมรถยนต์ไฟฟ้า 2567
- Apple ครองตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมียมในปี 2023
- การเปลี่ยนแปลงของเครือข่ายไร้สาย 5G
- ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 2566
- สถิติส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไทยปี 2566
- เทคโนโลยีในงานโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง
- กฎหมาย ปล่องระบาย อากาศ
- solid state battery คือ
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH