ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม MPI ปี 2566 เดือน ก.ย. หดตัว 6.06% ลดต่อเนื่องเดือนที่ 6
สศอ. เผยส่งออกอุตสาหกรรมยังชะลอตัวจากพิษเศรษฐกิจโลก กดดันดัชนี MPI เดือน ก.ย. 2566 หดตัวร้อยละ 6.06 ประมาณการ GDP ภาคอุตฯ ปีนี้ คาดว่าหดตัวร้อยละ 2.5 – 3.0
วันที่ 31 ตุลาคม 2566 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกันยายน ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 91.60 ลดลงร้อยละ 6.06 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนไตรมาส 3 ปี 2566 ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 6.19 ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ระดับ 94.31 ลดลงร้อยละ 5.09 หลังการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมชะลอตัว สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง และค่าเงินบาทอ่อนค่าลง กดดัน GDP ภาคอุตฯ ปีนี้คาดหดตัวร้อยละ 2.5 – 3.0
- ดัชนีราคาผู้ผลิตไทย 2566 เดือน ส.ค. ลดลง 3.1% ต่อเนื่องเดือนที่ 6
- กกร. คง GDP ปี'66 ขยายตัว 2.5 - 3.0% วอนช่วย SME ลดต้นทุน - เข้าถึงแหล่งทุน
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม MPI ปี 2566 เดือน ส.ค. หดตัว 7.53% ต่อเนื่องเดือนที่ 5
นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกันยายน ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 91.60 ลดลงร้อยละ 6.06 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนไตรมาส 3 ปี 2566 ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 6.19 ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ระดับ 94.31 ลดลงร้อยละ 5.09 ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนกันยายนอยู่ที่ร้อยละ 58.02 และ 9 เดือนแรก อยู่ที่ร้อยละ 59.83 ส่วนไตรมาส 3 ปี 2566 อยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 58.01 ตามการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ยังชะลอตัว สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง จากความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยังยืดเยื้อ รวมถึงค่าเงินบาทในเดือนกันยายน 2566 อ่อนค่าลงร้อยละ 4.23 หรือประมาณ 1.50 บาท โดยมีเงินทุนไหลออกประเทศจากความกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งเศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้าจากโครงสร้างการส่งออกของภาคการผลิตไทย ไม่ตอบสนองความต้องการของโลกในยุคปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยว 9 เดือนแรก ปี 2566 อยู่ที่ 20 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 254.98 ทำให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ น้ำตาล การแปรรูปและการถนอมผลไม้และผัก ผลิตภัณฑ์นม เบียร์ และเนื้อไก่แช่แข็งและแช่เย็น
นอกจากนี้ การเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยภาพรวมเดือนตุลาคม 2566 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวังในช่วงขาลง” จากปัจจัยภายในประเทศชะลอตัวตามการลงทุนและความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง โดยดัชนีการลงทุนภาคเอกชนของไทยหดตัวลง จากการนำเข้าสินค้าทุน รวมถึงพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง และยอดจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์ใหม่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ด้านดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม 3 เดือนข้างหน้า “ชะลอตัวในช่วงขาลง” จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว การอ่อนค่าของเงินบาท และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศยังมีทิศทางชะลอตัว และส่งสัญญาณเฝ้าระวังต่อเนื่อง
“หลังจาก 9 เดือนแรก ปี 2566 ดัชนี MPI ลดลงร้อยละ 5.09 ส่งผลให้ สศอ. ปรับประมาณการดัชนี MPI ปี 2566 อยู่ที่ลดลงร้อยละ 4.0 - 4.5 จากประมาณการเดิมลดลงร้อยละ 2.8 - 3.8 ด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ภาคอุตสาหกรรม ปี 2566 คาดหดตัวร้อยละ 2.5 – 3.0 จากประมาณการครั้งก่อนคาดว่าจะหดตัวร้อยละ 1.5 - 2.5 จากเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และความขัดแย้งระหว่างประเทศยังยืดเยื้อ” นางวรวรรณ กล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตในเดือนกันยายน 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่
พลาสติกและยางสังเคราะห์ขั้นต้น ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.35 จาก Polyethylene resin, Ethylene และ Polypropylene resin เป็นหลัก โดยในปีก่อนมีการลดการผลิตเนื่องจากมี Over supply ในตลาดโลก และมีการหยุดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตบางราย
น้ำตาล ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 74.64 จากน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์และน้ำตาลทรายขาว เป็นหลัก ตามความต้องการของตลาดส่งออก และตลาดในประเทศ ซึ่งการงดส่งออกน้ำตาลของประเทศอินเดียจะส่งผลให้ไทยได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น สำหรับตลาดในประเทศขยายตัวตามกิจกรรมเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง และมีคำสั่งซื้อของผู้รับซื้อรายใหญ่
สายไฟและเคเบิ้ลอื่นๆ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 29.52 จากสายไฟฟ้า เป็นหลัก เนื่องจากมีรอบคำสั่งซื้อจากการไฟฟ้านครหลวง ส่วนภูมิภาค และฝ่ายผลิต รวมถึงงานโครงการของภาครัฐและเอกชนมากขึ้น
เส้นใยประดิษฐ์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 33.12 จากเส้นใยประดิษฐ์อื่น ๆ และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ จากคำสั่งซื้อของตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น อินเดีย และจีน เพื่อนำไปผลิตเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ (หลังคา เบาะ หรือ สายพานต่างๆ) และเสื้อผ้ากีฬา
แปรรูปและการถนอมผลไม้และผัก ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.84 จากข้าวโพดหวานกระป๋อง กะทิ และน้ำผลไม้ เป็นหลัก โดยข้าวโพดหวานกระป๋อง ได้รับคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ส่วนกะทิ ลูกค้ากลับมามีคำสั่งซื้อหลังชะลอตัวในช่วงก่อนหน้า และน้ำผลไม้ มีการเร่งผลิตหลังเริ่มต้นฤดูเก็บเกี่ยวสับปะรดรอบใหม่
#ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 2566 #ดัชนี mpi 2566 #ผลผลิตอุตสาหกรรม industrial production #การส่งออกอุตสาหกรรม #อุตสาหกรรมไทย #สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม #สศอ.
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ใน 2566
- คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) คืออะไร ทำไมถึงต้องเร่งสร้างคาร์บอนเครดิต
- FTA ไทย มีกี่ประเทศ พอหรือไม่ ทำไมต้องคิดเรื่อง CPTPP
- 10 ตัวอย่างที่นำ 5G มาใช้งานได้อย่างน่าสนใจและประสบผลสำเร็จ
- อบรมรถยนต์ไฟฟ้า 2566 ฟรี
- เทคโนโลยีแห่ง G สู่ 5G เครือข่ายไร้สาย
- กฎหมาย ปล่องระบาย อากาศ 2565
- ยอดขายโทรศัพท์ 2023 ทั่วโลก
- GAC AION Thailand
- เปิดโผ 8 อุตสาหกรรมเด่นเติบโตสูงในปี 2566
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH