ส่งออกไทย 2564 เดือนมิถุนายน สถิติสูงสุด

ส่งออกไทย 2564 เดือน มิ.ย. ขยายตัว 43% สูงสุดรอบ 11 ปี อีกครั้ง

อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 2564
  • Share :
  • 9,968 Reads   

สถานการณ์ส่งออกในเดือนมิถุนายน 2564 ไทยสามารถรักษาตัวเลขส่งออกเหนือระดับ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ขยายตัว 43.82% ทำสถิติใหม่สูงสุดรอบ 11 ปี อีกครั้ง

วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน 2564 พบว่า มีมูลค่า 23,699.43 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 714,885.27 ล้านบาท ขยายตัว 43.82% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยหากไม่นับรวมสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ตัวเลขส่งออกไทยเดือนนี้ขยายตัว 41.56% เป็นผลจากการดำเนินการตามแผนการส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของภาคผลิตทั่วโลก

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตโลก (Global Manufacturing PMI) อยู่เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 โดยผลผลิต คำสั่งซื้อสินค้าใหม่ และการจ้างงานในหลายประเทศล้วนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ สหรัฐฯ และยุโรป นอกจากนี้ ปัจจัยเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมภาคการส่งออกของไทย ทั้งนี้ การส่งออกครึ่งแรกของปี 2564 ขยายตัวที่ร้อยละ 15.53 เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ร้อยละ 20.84 สะท้อนภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) ที่เติบโตอย่างชัดเจน

สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่

1) สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะผักและผลไม้ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม น้ำตาลทราย ไก่สดแช่เย็นแช่เข็งและแปรรูป เครื่องดื่ม อาหารสัตว์เลี้ยง และสิ่งปรุงรสอาหาร 

2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ขยายตัวเกือบทุกหมวดสินค้า เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เครื่องปรับอากาศฯ เตาอบไมโครเวฟ ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง เครื่องซักผ้าและส่วนประกอบ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์และส่วนประกอบ

3) สินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์และถุงมือยาง

4) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของภาคการผลิต เช่น เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ

และ 5) สินค้าคงทนหรือสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีราคาสูง เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) มีการขยายตัวในระดับสูง สะท้อนถึงการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศคู่ค้า

ด้านตลาดส่งออก ขยายตัวดีเกือบทุกตลาด ตลาดสำคัญ อาทิสหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หากมองเฉพาะการเติบโตในอาเซียน ตลาดอาเซียน (5) ขยายตัวในระดับสูง โดยเฉพาะอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ที่ฟื้นตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ ตลาด CLMV มีศักยภาพการเติบโตในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะตลาดเมียนมาที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เช่นเดียวกับตลาดอื่นๆ อาทิ ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาตินอเมริกา และรัสเซียและ CIS ล้วนมีอัตราการขยายตัวในระดับสูง
แทบทั้งสิ้น

มูลค่าการค้ารวม เเดือนมิถุนายน 2564 การส่งออก มีมูลค่า23,699.43ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 43.82 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 22,754.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัวร้อยละ 53.75 ดุลการค้าเกินดุล 945.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพรวมการส่งออกครึ่งปีแรกของปี 2564 มีมูลค่า 132,334.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 15.53 การนำเข้า มีมูลค่า 129,895.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขยายตัวร้อยละ 26.15 ดุลการค้าครึ่งปีแรก เกินดุล2,439.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร

มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 36.0 (YoY) ขยายตัว 7 เดือน ต่อเนื่อง สินค้าที่ขยายตัวดีได้แก่ ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 111.9 ขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่อง (ขยายตัวทุกตลาด อาทิ จีน มาเลเซีย สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 110.2 ขยายตัว 3 เดือนต่อเนื่อง (ขยายตัวแทบทุกตลาด อาทิจีน สหรัฐฯ เวียดนาม ฮ่องกง และญี่ปุ่น) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 81.5 ขยายตัว 8 เดือนต่อเนื่อง (ขยายตัวทุกตลาด อาทิจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน สหรัฐฯ
และอินโดนีเซีย) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 27.7 ขยายตัว 22 เดือนต่อเนื่อง (ขยายตัวทุกตลาด อาทิ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อิตาลีมาเลเซีย และออสเตรเลีย) ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ขยายตัวร้อยละ 227.4 ขยายตัว 13 เดือนต่อเนื่อง (ขยายตัวแทบทุกตลาด อาทิมาเลเซีย อินเดีย เคนยา เมียนมา และจีน) น้ำตาลทราย ขยายตัวร้อยละ 18.8 กลับมาขยายตัวในรอบ 15 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา ไต้หวัน สปป.ลาว และจีน) สินค้าที่หดตัว ได้แก่ อาหารทะเลสด แช่เย็น แช่แข็งกระป๋องและแปรรูป หดตัวร้อยละ 3.6 หดตัว 3 เดือนต่อเนื่อง (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และแคนาดา แต่ขยายตัวดีในตลาดญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ อียิปต์ และอิตาลี) ข้าว หดตัวร้อยละ 7.4 หดตัว 7 เดือนต่อเนื่อง (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ และอังโกลา แต่ขยายตัวดีในตลาดแอฟริกาใต้ อิรัก จีน โมซัมบิก และญี่ปุ่น) สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ หดตัวร้อยละ 40.1 หดตัว 5 เดือนต่อเนื่อง (หดตัวในตลาดกัมพูชา ลาว และอินโดนีเซีย แต่ขยายตัวดีในตลาดเวียดนาม เมียนมา จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ) สุกรสด แช่เย็นแช่แข็ง หดตัวร้อยละ 40.4 หดตัว 5 เดือนต่อเนื่อง (หดตัวในตลาดฮ่องกง และลาว แต่ขยายตัวดีในตลาดเมียนมา และกัมพูชา) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 11.9 

การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม

มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 44.7 (YoY) ขยายตัว 4 เดือนต่อเนื่อง สินค้าที่ขยายตัวดีได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 78.5 ขยายตัว 8 เดือนต่อเนื่อง (ขยายตัวทุกตลาด อาทิ ออสเตรเลีย เวียดนาม ญี่ปุ่น จีน และสหรัฐฯ) อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 114.3 ขยายตัว 4เดือนต่อเนื่อง (ขยายตัวทุกตลาด อาทิ สหรัฐฯ ฮ่องกง เยอรมนี อินเดีย และสหราชอาณาจักร) ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวร้อยละ 38.1 ขยายตัว 13 เดือนต่อเนื่อง (ขยายตัวหลายตลาด อาทิ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มาเลเซีย และเวียดนาม) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 21.5 ขยายตัว 7 เดือนต่อเนื่อง (ขยายตัวหลายตลาด อาทิ ฮ่องกง จีน เนเธอร์แลนด์สิงคโปร์ และมาเลเซีย) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล ขยายตัวร้อยละ 73.1 ขยายตัว 5 เดือนต่อเนื่อง (ขยายตัวหลายตลาด อาทิ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย) สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ขยายตัวร้อยละ 60.9 ขยายตัว 5 เดือนต่อเนื่อง (ขยายตัวทุกตลาด อาทิ จีน เวียดนาม กัมพูชา ญี่ปุ่น และมาเลเซีย) สินค้าที่หดตัว ได้แก่ อากาศยาน และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 63.5 หดตัว 5 เดือนต่อเนื่อง (หดตัวในตลาดไต้หวัน และสหรัฐฯ แต่ขยายตัวได้ดีในหลายตลาด อาทิ จีน สโลวีเนีย เวียดนาม สิงคโปร์และอิตาลี) ปูนซีเมนต์ หดตัวร้อยละ 30.3 กลับมาหดตัวในรอบ 2 เดือน (หดตัวในตลาดกัมพูชา ออสเตรเลีย และ สปป.ลาว แต่ขยายตัวได้ดีในตลาดบังกลาเทศ เมียนมา สหรัฐฯ นิวซีแลนด์ และมาเลเซีย) เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 1.9 หดตัว 2 เดือนต่อเนื่อง (หดตัวในตลาดญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์และเนเธอร์แลนด์ แต่ขยายตัวได้ดีในตลาดสหรัฐฯ เม็กซิโก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมียนมา และจีน) ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์หดตัวร้อยละ 0.6 หดตัว 3 เดือนต่อเนื่อง (หดตัวในตลาดเวียดนาม ญี่ปุ่น ฮ่องกง และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวได้ดีในตลาดเมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย และสปป.ลาว) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 15.9

ตลาดส่งออกสำคัญ

การส่งออกไปตลาดสำคัญขยายตัวในระดับสูงทุกตลาด ตามอุปสงคจากประเทศคูคาที่อยู่ในทิศทาง ฟนตัว สอดคล้องกับการปรับดีขึ้นต่อเนื่องของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งเป็นผลจากการเร่งกระจาย ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของทั้งภาคการผลิตและการบริโภค ประกอบกับมาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจหลักที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง 

 

ภาพรวมการส่งออกไปกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุป ดังนี้ 1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 41.2 โดยการส่งออกไปตลาดจีน และญี่ปุ่น ขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 42.0 และร้อยละ 32.3 ตามลำดับ ตลาดสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (27) และ CLMV ขยายตัวดีต่อเนื่องร้อยละ 41.2 ร้อยละ 46.5 และร้อยละ 36.3 ตามลำดับ ส่วนตลาดอาเซียน (5) ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ร้อยละ 48.7 2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 49.5 ขยายตัวทุกกลุ่มตลาดประกอบด้วย เอเชียใต้ร้อยละ 125.7 ทวีปออสเตรเลีย ร้อยละ 39.2 ตะวันออกกลาง ร้อยละ 26.1 ทวีปแอฟริการ้อยละ 40.8 ลาตินอเมริกา ร้อยละ 102.0 และรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ร้อยละ 37.2 และ 3) ตลาดอื่นๆ ขยายตัวร้อยละ 81.6

  • ตลาดสหรัฐอเมริกา ขยายตัวร้อยละ 41.2 (ขยายตัว 12 เดือนต่อเนื่อง) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และเตาอบไมโครเวฟ เป็นต้น ขณะที่ ครึ่งปีแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 21.0 
  • ตลาดจีน ขยายตัวร้อยละ 42.0 (ขยายตัว 7 เดือนต่อเนื่อง) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เคมีภัณฑ์ ยางพารา และเครื่องคอมพิวเตอร์ฯ เป็นต้น ขณะที่ ครึ่งปีแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 24.9
  • ตลาดญี่ปุ่น ขยายตัวร้อยละ 32.3 (ขยายตัว 8 เดือนต่อเนื่อง) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เหล็กและผลิตภัณฑ์ ทองแดง และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่ ครึ่งปีแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 12.6
  • ตลาดอาเซียน (5) ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ร้อยละ 48.7 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ขณะที่ ครึ่งปีแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 6.0
  • ตลาด CLMV ขยายตัวร้อยละ 36.3 (ขยายตัว 4 เดือนต่อเนื่อง) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ขณะที่ ครึ่งปีแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 18.1
  • ตลาดสหภาพยุโรป (27) ขยายตัวร้อยละ 46.5 (ขยายตัว 5 เดือนต่อเนื่อง) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ฯ แผงวงจรไฟฟ้า เลนส์และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ขณะที่ ครึ่งแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 26.6
  • ตลาดเอเชียใต้ ขยายตัวร้อยละ 125.7 (ขยายตัว 5 เดือนต่อเนื่อง) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เหล็กและผลิตภัณฑ์ และเครื่องยนต์สันดาปฯเป็นต้น ขณะที่ ครึ่งปีแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 51.3
  • ตลาดอินเดีย ขยายตัวร้อยละ 123.9 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เม็ดพลาสติก รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ทองแดงและผลิตภัณฑ์และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ขณะที่ ครึ่งปีแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 54.8
  • ตลาดทวีปออสเตรเลีย (25) ขยายตัวร้อยละ 39.2 (ขยายตัว 10 เดือนต่อเนื่อง) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศฯ และ เหล็กและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ขณะที่ ครึ่งปีแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 28.5
  • ตลาดตะวันออกกลาง (15) ขยายตัวร้อยละ 26.1 (ขยายตัว 3 เดือนต่อเนื่อง) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว อัญมณีและเครื่องประดับ ตู้เย็นและส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ขณะที่ ครึ่งปีแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 16.5
  • ตลาดทวีปแอฟริกา (57) ขยายตัวร้อยละ 40.8 (ขยายตัว 6 เดือนต่อเนื่อง) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปฯ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง และ ตู้เย็นและส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่ ครึ่งปีแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 23.5
  • ตลาดลาตินอเมริกา (47) ขยายตัวร้อยละ 102.0 (ขยายตัว 5 เดือนต่อเนื่อง) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปฯ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ขณะที่ ครึ่งปีแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 40.1
  • ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS (ขยายตัว 3 เดือนต่อเนื่อง) ขยายตัวร้อยละ 37.2 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องยนต์สันดาปฯและตู้เย็นและส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่ ครึ่งปีแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 15.7

แนวโน้มและแผนส่งเสริมการส่งออกปี 2564

การส่งออกของไทยในปี 2564 มีแนวโน้มของการขยายตัวที่ดีสะท้อนจาก (1) การขยายตัวของการส่งออก สินค้าอุตสาหกรรมต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 6 แสดงให้เห็นถึงการกลับมาฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (2) ราคาพลังงานปรับสูงขึ้นตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น หลังหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน และ (3) การกระจายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในแต่ละประเทศ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าของไทยในปีนี้

สำหรับแผนส่งเสริมการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์) สั่งการให้ดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์“เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” โดยใช้กลยุทธ์ “ตลาดนำการผลิต” และแผนงานของกระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดไว้อย่างต่อเนื่อง อาทิการจัดงานส่งเสริมผลไม้ไทยในเมืองสำคัญของจีน เช่น เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ฝอซาน จ้านเจียง และอู่ฮั่น การปรับกลยุทธ์สินค้าส่งออกเพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด BCG Model โดยเฉพาะสินค้าบรรจุภัณฑ์ การส่งเสริมการส่งออกในภาคอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้เปิดโครงการ Multimedia Online Virtual Exhibition หรือ MOVE 2021 เพื่อแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทย โดยมีผลการจัดงานเบื้องต้น สามารถสร้างมูลค่าซื้อขายทางธุรกิจ 1,586 ล้านบาท ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนาการค้าในอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทย นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังติดตามการเร่งรัดการเจรจาการค้าแบบ Mini-FTA จนสำเร็จเป็นฉบับแรกกับความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับเมืองโคฟุ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ


อ่านเพิ่มเติม:

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH