ส่งออกไทย 2565 เดือนมีนาคม

ส่งออกไทย 2565 เดือน มี.ค. ขยายตัว 19.5% ทุบสถิติ มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์

อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 2565
  • Share :

สถานการณ์ส่งออกในเดือนมีนาคม 2565 ไทยทำตัวเลขส่งออกได้อยู่เหนือระดับ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติ ขยายตัวต่อเนื่อง 13 เดือน ที่ตัวเลข 19.5% เมี่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ตัวเลขการส่งออกเดือนมีนาคม 2565 มีมูลค่า 28,859.6 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 922,313 ล้านบาท ขยายตัว 19.5% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกของไทยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 จากความต้องการสินค้าทั่วโลกที่แข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศที่คลี่คลายลง นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตโลก (Global Manufacturing PMI) อยู่เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 โดยการจ้างงาน และการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคเร่งตัวขึ้น บ่งชี้ว่าประเทศคู่ค้าสำคัญยังมีแนวโน้มเติบโต สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลต่อมูลค่าการส่งออกรวมค่อนข้างจำกัด เนื่องจากมีสัดส่วนการส่งออกน้อย ในขณะเดียวกันจะเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปตลาดโลกได้มากขึ้น ทั้งนี้ การส่งออกไทยไตรมาสแรกของปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 14.9 เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัยยังขยายตัวร้อยละ 8.7 ชี้ให้เห็นว่าการส่งออกยังเป็นฟันเฟืองสำคัญช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่

1) สินค้าที่ได้รับอานิสงส์จากราคาพลังงานและโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ยางยานพาหนะ เป็นต้น

2) สินค้าเกษตรและอาหารที่เป็นสินค้าจ ำเป็นในภาวะสงคราม และต่างประเทศมีความต้องการสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำตาลทราย ไก่แปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปน้ำมันปาล์ม อาหารสัตว์เลี้ยง สิ่งปรุงรสอาหาร เป็นต้น

3) สินค้าเครื่องอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าคงทน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงาน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (อาทิ ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง และส่วนประกอบเครื่องซักผ้าและส่วนประกอบ) เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น

4) สินค้าป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดยังเป็นสินค้าจำเป็นในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์เป็นต้น

 

สรุปมูลค่าการค้ารวม

มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนมีนาคม 2565การส่งออก มีมูลค่า 28,859.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 19.5 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 27,400.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 18.0 ดุลการค้าเกินดุล 1,459.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ภาพรวมการส่งออกไตรมาสแรกของปี 2565 (มกราคม-มีนาคม) การส่งออก มีมูลค่า 73,601.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 14.9 การนำเข้า มีมูลค่า 74,545.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 18.4 ดุลการค้าไตรมาสแรก ขาดดุล 944.0 ล้านเหรียญสหรัฐ

ตลาดส่งออกสำคัญ

การส่งออกสำคัญส่วนใหญ่ยังคงขยายตัว แม้จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในบางตลาด ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน และการใช้มาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 ที่เข้มงวดมากขึ้นของจีน

ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ 1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 12.7 โดยขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ร้อยละ 21.5 จีน ร้อยละ 3.2 ญี่ปุ่น ร้อยละ 1.0 อาเซียน (5) ร้อยละ 34.8 CLMV ร้อยละ 1.0 และสหภาพยุโรป (27) ร้อยละ 6.9 2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 10.2 ขยายตัวในตลาดเอเชียใต้ร้อยละ 36.4 ตะวันออกกลาง ร้อยละ 29.5 ลาตินอเมริกา ร้อยละ 2.2 และทวีปแอฟริกา ร้อยละ 4.8 ขณะที่ทวีปออสเตรเลีย และรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS หดตัวร้อยละ 1.3 และ 65.9 ตามล าดับ และ 3) ตลาดอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 1,411.6 อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ขยายตัวร้อยละ 2,865.2

แนวโน้มและแผนส่งเสริมการส่งออกระยะถัดไป

แนวโน้มการส่งออกไทย คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง ผลของเหตุการณ์รัสเซีย-ยูเครน รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ส่งผลต่อการค้าไทยค่อนข้างจำกัด เนื่องจากสัดส่วนการค้าไทยกับรัสเซียและยูเครนค่อนข้างน้อย โดยปัจจัยสนับสนุนของการส่งออกระยะถัดไป ได้แก่ (1) โอกาสในการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปตลาดโลกได้มากขึ้นจากความต้องการเพื่อรักษาความมั่นคงทางอาหารของหลายประเทศ รวมถึงการทดแทนสินค้ารัสเซียและยูเครนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว (2) การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีที่มีผลใช้บังคับแล้ว เช่น ความตกลง RCEP ช่วยสนับสนุนการค้าภายในภูมิภาค (3) การฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย จะส่งผลดีต่อการส่งออกไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าข้าว ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง ไก่แปรรูปอาหารทะเลแปรรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น (4) ทิศทางของราคาสินค้าอาหารและโภคภัณฑ์ที่กำลังสูงขึ้น จึงคาดว่าผู้นำเข้าจะเร่งการนำเข้าเพื่อลดความเสี่ยงด้านราคาที่สูงขึ้นและผันผวน และ (5) ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า และอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการส่งออก

แผนส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันและอำนวยความสะดวกด้านการส่งออกของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs อย่างเต็มที่ และช่วยแก้ไขอุปสรรคทางการค้าให้แก่ภาคเอกชนโดยทันที ซึ่งแผนงานสำคัญ อาทิการส่งเสริมการส่งออกผ่านนโยบาย Soft Power ผลักดัน 4 กลุ่มสินค้าสำคัญ ได้แก่ อาหาร ดิจิทัลคอนเทนต์ สุขภาพความงาม และสินค้าสร้างสรรค์อัตลักษณ์ไทย การร่วมมือกับภาคเอกชนจัดทำมาตรการเชิงรุกบริหารจัดการส่งออกผลไม้สำหรับฤดูการผลิตปี 2565 โดยเร่งรัดเจรจากับจีน เพื่อขอให้เปิดช่องทางรับสินค้าเพิ่มเติม การประสานความร่วมมือตรวจสอบคุณภาพสินค้าและตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 การเจรจากับลาวและเวียดนาม เพื่ออำนวยความสะดวกการขนส่งข้ามแดน การผลักดันและเร่งแก้ไขปัญหาการค้าชายแดน อาทิ การส่งเสริมการค้าชายแดนของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมา รวมถึงยังคงเดินหน้าเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขอให้เปิดด่านการค้าชายแดนระหว่างกันเพิ่มขึ้น หลังปิด
ทำการชั่วคราวจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH