ภาวะการลงทุนปี 2565 ครึ่งปีแรก ยอดขอรับส่งเสริมกว่า 2.1 แสนล้าน กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า - อุตฯ ดิจิทัลมาแรง
บีโอไอเผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน 2565 ครึ่งปีแรก มูลค่ากว่า 2.1 แสนล้าน กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ดิจิทัลขยายตัวสูง
วันที่ 17 สิงหาคม 2565 นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยว่า สถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือน (ม.ค. – มิ.ย.) ปี 2565 ที่ผ่านมา มีโครงการขอรับส่งเสริมการลงทุน 784 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 4 และมูลค่ารวม 219,710 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 42 เนื่องจากในปี 2564 มีการขอรับการส่งเสริมการผลิตพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่จำนวนมาก มีเงินลงทุนรวมสูงถึง 75,780 ล้านบาท
สำหรับคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีจำนวนทั้งสิ้น 358 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 46 ของจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมทั้งหมด และมีมูลค่าลงทุนรวมทั้งสิ้น 153,480 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 70 ของมูลค่าคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมดิจิทัล มีอัตราการขยายตัวสูงสุด โดยอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุดที่ 42,410 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 212 อุตสาหกรรมดิจิทัล มูลค่าเงินลงทุน 1,450 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 202
- ภาวะการลงทุนปี 2565 ไตรมาสแรก ยอดขอรับส่งเสริมกว่า 1 แสนล้าน - ต่างชาติลงทุนเพิ่ม 29%
- บีโอไอปลดล็อกสถานีชาร์จรถ EV ยกเว้นภาษี 3 - 5 ปี เปิดโอกาส STARTUP ลงทุน
- ภาวะการลงทุนปี'64 สูงกว่า 6.4 แสนล้าน อุตสาหกรรมเป้าหมาย-BCG หนุนขยายตัวเพิ่ม
ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากประเทศ (FDI) มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนรวม 395 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 130,081 ล้านบาท โดยการลงทุนจากไต้หวันมีมูลค่าเงินลงทุนมากที่สุด 36,100 ล้านบาท เนื่องจากมีการขอรับส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน สอดคล้องกับนโยบายบีโอไอที่มุ่งให้การส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันไทยไปสู่ศูนย์กลางการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนในภูมิภาค และคาดว่าการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มาตรการสนับสนุนของรัฐบาลได้รับความสนใจจากผู้ผลิตยานยนต์อย่างกว้างขวาง
สำหรับพื้นที่เป้าหมาย EEC มีการขอรับส่งเสริมจำนวน 217 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 104,850 ล้านบาท โดยจังหวัดระยองมีโครงการขอรับส่งเสริมการลงทุนที่มีมูลค่าเงินสูงสุด 85,500 ล้านบาท จาก 86 โครงการ รองลงมา คือจังหวัดชลบุรี มูลค่าเงินลงทุน 16,690 ล้านบาท จาก 110 โครงการ และจังหวัดฉะเชิงเทรา มูลค่าเงินลงทุน 2,660 ล้านบาท จาก 21 โครงการ ในแง่ของสาขาอุตสาหกรรม เป็นการลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนถึงร้อยละ 49 เนื่องจากโครงการยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ รองลงมาคืออุตสาหกรรมปิโตรเคมี ร้อยละ 30 ซึ่งพื้นที่ภาคตะวันออกเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของภูมิภาคอยู่แล้ว
นอกจากนี้ มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ จำนวน 141 โครงการ เงินลงทุน 11,830 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อการใช้พลังงานทดแทน การประหยัดพลังงาน หรือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับทิศทางของโลกที่ให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทนซึ่งกำลังจะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าสู่ตลาดด้วย เนื่องจากคู่ค้ารายใหญ่เริ่มกำหนดเงื่อนไขการใช้พลังงานทดแทน ส่วนมาตรการสิทธิประโยชน์สำหรับการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ก็ยังเป็นมาตรการที่ภาคเอกชนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง รองรับโครงสร้างประชากรไทยที่เข้าสู่สังคมสูงวัย ภาคการผลิตจำเป็นต้องนำระบบอัตโนมัติมาใช้แทนแรงงานคน ส่วนคำขอรับส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการ SMEs มีจำนวน 21 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1,050 ล้านบาท
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- 10 ตัวอย่างที่นำ 5G มาใช้งานได้อย่างน่าสนใจและประสบผลสำเร็จ
- เทคโนโลยีแห่ง G สู่ 5G เครือข่ายไร้สาย
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคืออะไร ตลาดจะก้าวไปในทางไหนในปี 2030?
- เทคโนโลยีสำหรับโลจิสติกส์ ทางเลือกสู่ทางรอด ปรับก่อนโดนเบียด
- นิยามใหม่ SME ใช้ “รายได้” เป็นตัวกำหนด
- ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ปี 2564
- กลยุทธ์การ PR และ Communication ในยุคดิจิทัล
- ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน เจาะลึกตู้สินค้าหายไปไหน?
- เทรนด์การทำงานในอนาคต หลังไทยติดโควิด นานเกือบสองปี!
- FTA ไทย มีกี่ประเทศ พอหรือไม่ ทำไมต้องคิดเรื่อง CPTPP
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH