ดัชนีราคาผู้ผลิตไทย 2565 เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 11.4% เทียบปีก่อน
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสรุปรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศไทย เดือนมีนาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 112.0 เพิ่มขึ้น 11.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ดัชนีราคาผู้ผลิต แบ่งตามกิจกรรมการผลิต (CPA : Classification of Products by Activity) เดือนมีนาคม 2565 (ปี 2558 = 100) เท่ากับ 112.0 เทียบกับเดือนมีนาคม 2564 สูงขึ้นร้อยละ 11.4 (YoY) เป็นผลจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าทั้ง 3 หมวดหลัก ประกอบด้วย
Advertisement | |
- หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 10.4 ซึ่งมีสาเหตุหลักจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นตามราคาตลาดโลกและต้นทุนการผลิตอื่นๆ ที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่น ๆ
- หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง สูงขึ้นร้อยละ 69.1 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และกลุ่มแร่ ตามภาวะตลาดโลก
- หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 4.3 เป็นผลจากสินค้าสำคัญ อาทิ ยางพารา อ้อย ผลปาล์มสด หัวมันสำปะหลังสด และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรมยังมีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพืชผัก สุกรมีชีวิต ไก่มีชีวิต ไข่ไก่ และสัตว์น้ำทะเล เนื่องจากปริมาณผลผลิตลดลง ขณะที่ความต้องการบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ ดัชนีราคาผู้ผลิต แบ่งตามขั้นตอนการผลิต (SOP : Stage of Processing) พบว่าดัชนีหมวดสินค้าสำเร็จรูป หมวดสินค้ากึ่งสำเร็จรูป (แปรรูป) และหมวดสินค้าวัตถุดิบ สูงขึ้นร้อยละ 5.4 19.4 และ 25.5 ตามลำดับ โดยมีสินค้าสำคัญในห่วงโซ่อุปทานที่ราคาปรับสูงขึ้นตามวัตถุดิบ ได้แก่ ผลปาล์มสด น้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ มันสำปะหลังสด มันเส้น/มันอัดเม็ด/แป้งมันสำปะหลัง และ อ้อย น้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายขาว เนื่องจากความต้องการ ของตลาดยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม MPI ปี 2565 เดือน ก.พ. บวกต่อเนื่อง แนะติดตามสถานการณ์รัสเซียยูเครนใกล้ชิด
- ดัชนีราคาผู้ผลิตไทย 2565 เดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 9.4%
- ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรกลญี่ปุ่น 2565 เดือนกุมภาพันธ์ โตต่อเนื่องท่ามกลางการขาดแคลนชิ้นส่วน
ดัชนีราคาผู้ผลิต 2565 เดือนมีนาคม เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 11.4 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้
-
หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 10.4 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียมได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91, 95 น้ำมันเครื่องบิน และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติก โซดาไฟ กรดเกลือ และคลอรีน เนื่องจากมีความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ประกอบกับราคาวัตถุดิบสูงขึ้นตามราคาอ้างอิงกับตลาดต่างประเทศ กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ ทองคำ ซึ่งราคาปรับตามทิศทางราคาในตลาดโลกที่สูงขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ ไก่สด และเนื้อสุกร เนื่องจากตลาดมีความต้องการเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณผลผลิตไม่เพียงพอ โดยเฉพาะมีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร นอกจากนี้ เกษตรกรผู้เลี้ยงยังมีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิตสูงขึ้น ทั้งค่าขนส่งวัตถุดิบและค่าอาหารสัตว์ น้ำมันปาล์ม เนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น ประกอบกับได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐในการกระตุ้นการใช้ในประเทศและการส่งออกเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินในปีที่ผ่านมา มันเส้น และแป้งมันสำปะหลัง เนื่องจากวัตถุดิบสินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น น้ำตาลทราย ราคาปรับตัวตามภาวะราคาตลาดโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์) เนื่องจากผู้ผลิตบางรายมีการปรับโครงสร้างต้นทุนสินค้าใหม่ กลุ่มโลหะขั้นมูลฐาน ได้แก่ เหล็กแผ่น ท่อเหล็ก เหล็กเส้น และเหล็กฉาก และกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแท่ง ถุงพลาสติก และท่อพลาสติก เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับสูงขึ้น กลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถยนต์นั่ง และรถบรรทุก เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ประกอบกับมีการปรับโฉมรถใหม่
- หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง สูงขึ้นร้อยละ 69.1 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้า ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และกลุ่มแร่ (สังกะสี ดีบุก และแร่เหล็ก) ตามภาวะตลาดโลก
- หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 4.3 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย กลุ่มไม้ยืนต้น ได้แก่ ผลปาล์มสด เนื่องจากมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการใช้พืชพลังงานทดแทนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยางพารา เนื่องจากความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ถุงมือยาง และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ขณะที่ผลผลิตลดลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน กลุ่มพืชล้มลุก ได้แก่ อ้อย เนื่องจากความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมอาหาร หัวมันสำปะหลังสด เนื่องจากความต้องการของตลาดในประเทศและตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากความต้องการใช้เพื่อเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดไม่เพียงพอกับความต้องการ พืชผัก ได้แก่ ต้นหอม ผักคะน้า กะหล่ำปลี ผักชี มะเขือ พริกสด ข้าวโพดฝักอ่อน ผักกวางตุ้ง และหน่อไม้ฝรั่ง เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง กลุ่มสัตว์ ได้แก่ สุกรมีชีวิต เนื่องจากผลผลิตมีน้อยกว่าความต้องการบริโภคจากผลกระทบของโรคระบาดในสุกร ไก่มีชีวิต ไข่ไก่ และไข่เป็ด เนื่องจากความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์จากการประมง ได้แก่ ปลาหมึกกล้วย กุ้งแวนนาไม และกุ้งทะเล เนื่องจากปริมาณผลผลิตลดลง ขณะที่ความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น สำหรับสินค้าที่ราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว เนื่องจากความต้องการของตลาดชะลอตัว จากการแข่งขันด้านราคาส่งออกกับประเทศคู่ค้า ผลไม้ ได้แก่ สับปะรด ลำไย กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ และส้มเขียวหวาน เนื่องจากความต้องการของตลาดชะลอตัว ประกอบกับสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยส่งผลให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
ดัชนีราคาผู้ผลิต 2565 เดือนมีนาคม เทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) สูงขึ้นร้อยละ 3.1 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้
-
หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 3.1 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91, 95 น้ำมันเตา น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันก๊าด และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยราคาปรับสูงขึ้นตามภาวะตลาดโลก เนื่องจากความกังวลของตลาดต่อสถานการณ์ความขัดแย้งที่ยังไม่มีข้อยุติระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งการทำข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเพื่อจะลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกมีทิศทางปรับสูงขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ ทองคำ ซึ่งราคาปรับตามทิศทางราคาในตลาดโลกที่สูงขึ้น เนื่องจากเกิดสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงหลายประเทศประสบภาวะเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น ส่งผลให้มีแรงซื้อทองคำเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ นอกจากนี้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำของไทยสูงขึ้นด้วย กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติก โซดาไฟ และปุ๋ยเคมีผสม เนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้นตามตลาดโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ ไก่สด มันเส้น และน้ำมันปาล์ม เนื่องจากปริมาณผลผลิตมีน้อย ขณะที่ความต้องการยังมีอยู่ในระดับสูง น้ำตาลทราย ราคาปรับตามภาวะตลาดโลก ปลาทูน่ากระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูป น้ำมันถั่วเหลืองบริสุทธิ์ ซอสหอยนางรม และเนื้อปลาสดแช่แข็ง เนื่องจากวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์มีราคาสูงขึ้น รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าส่งผลให้ราคาส่งออกปรับตัวดีขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์) ราคาปรับสูงขึ้นตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่า นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอุตสาหกรรมกลุ่มอื่นๆ ที่ราคาปรับสูงขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน น้ำยางข้น ยางแท่ง ถุงพลาสติก กระสอบพลาสติก ประตูพีวีซี บรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ ยางนอกรถบรรทุก และยางนอกรถไถนา กลุ่มเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ได้แก่ เครื่องแบบนักเรียนหญิง เครื่องแบบนักเรียนชาย และถุงเท้า กลุ่มเครื่องดื่ม ได้แก่ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ได้แก่ เครื่องเรือนทำด้วยไม้ และที่นอน กลุ่มโลหะขั้นมูลฐาน ได้แก่ เหล็กเส้น เหล็กแผ่น เหล็กรูปตัวซี ลวดแรงดึงสูง และลวดเหล็ก กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแร่อโลหะ ได้แก่ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำจากเซรามิก ท่อคอนกรีต ภาชนะบนโต๊ะอาหารที่ทำจากแก้ว เสาเข็มคอนกรีต และคอนกรีตผสมเสร็จ
- หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง สูงขึ้นร้อยละ 6.8 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้า ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และแร่โลหะ (แร่สังกะสี และวุลแฟรม) ตามภาวะตลาดโลก
- หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 2.3 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย กลุ่มไม้ยืนต้น ได้แก่ ผลปาล์มสด เนื่องจากมีความต้องการใช้สินค้าพืชพลังงานเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ราคาปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยางพารา เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง จากการเข้าสู่ฤดูกาลปิดกรีดยาง ประกอบกับมีการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออก กลุ่มพืชล้มลุก ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า เนื่องจากผู้ประกอบการโรงสีมีความต้องการเพื่อส่งมอบให้กับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ปริมาณผลผลิตยังคงออกสู่ตลาดน้อย พืชผัก ได้แก่ มะนาว ต้นหอม ผักกาดขาว ผักคะน้า ผักชี ผักขึ้นฉ่าย ผักบุ้ง และพริกชี้ฟ้าสด เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง จากสภาพอากาศแปรปรวนในหลายพื้นที่และเริ่มแห้งแล้งจากฝนทิ้งช่วง อ้อย เนื่องจากความต้องการของโรงงานน้ำตาลยังมีอยู่มาก เพื่อผลิตตามคำสั่งซื้อล่วงหน้า ประกอบกับปริมาณน้ำเพียงพอทำให้คุณภาพความหวานของอ้อยสูง ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากเป็นช่วงที่ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ขณะที่ผู้ประกอบการยังคงมีความต้องการเพิ่มขึ้นเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ สำหรับสินค้าที่ราคาปรับลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเหนียว หัวมันสำปะหลังสด สุกรมีชีวิต กุ้งแวนนาไม ปลานิล และปลาตะเพียน เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น
ดัชนีราคาผู้ผลิต 2565 ไตรมาส 1 (ม.ค.- มี.ค.)
- เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 9.8 โดยหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 8.8 , หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง สูงขึ้นร้อยละ 61.4 และหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 4.7
- เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) สูงขึ้นร้อยละ 3.6 โดยหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 2.6 , หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง สูงขึ้นร้อยละ 20.0 และหมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 6.3
แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิต 2565 ไตรมาส 2
ดัชนีราคาผู้ผลิต ไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ยังมีแนวโน้มขยายตัว จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามราคาในตลาดโลก ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อสินค้าในกลุ่มปิโตรเลียมดิบและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ อาจส่งผลให้ภาคการผลิตไม่สามารถผลิตสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการและราคาปรับสูงขึ้น อาทิ สินค้าประเภทอาหาร ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ โลหะขั้นมูลฐาน ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์
นอกจากนี้ ราคาผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมงมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมที่มีอย่างต่อเนื่อง (อาทิ ผลปาล์มสด ยางพารา และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) ขณะที่ปริมาณผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดลดลง ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบทั้งราคาน้ำมัน ปุ๋ย และอาหารสัตว์ รวมทั้งต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น ล้วนส่งผลให้ดัชนีราคาผู้ผลิตยังคงขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม การล็อกดาวน์ในประเทศจีน และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายวันเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลต่อ ความต้องการสินค้า ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการผลิตของไทย และดัชนีราคาผู้ผลิตในท้ายที่สุด ทั้งนี้ จะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
#ดัชนีราคาผู้ผลิต 2565 #ดัชนีราคาผู้ผลิต ppi #ดัชนีราคาผู้ผลิต ย้อนหลัง #แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิต #ดัชนีราคา #ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม #กองดัชนีเศรษฐกิจการค้า #สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า #กระทรวงพาณิชย์
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- 10 ตัวอย่างที่นำ 5G มาใช้งานได้อย่างน่าสนใจและประสบผลสำเร็จ
- เทคโนโลยีแห่ง G สู่ 5G เครือข่ายไร้สาย
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคืออะไร ตลาดจะก้าวไปในทางไหนในปี 2030?
- เทคโนโลยีสำหรับโลจิสติกส์ ทางเลือกสู่ทางรอด ปรับก่อนโดนเบียด
- นิยามใหม่ SME ใช้ “รายได้” เป็นตัวกำหนด
- ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ปี 2564
- กลยุทธ์การ PR และ Communication ในยุคดิจิทัล
- ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน เจาะลึกตู้สินค้าหายไปไหน?
- เทรนด์การทำงานในอนาคต หลังไทยติดโควิด นานเกือบสองปี!
- FTA ไทย มีกี่ประเทศ พอหรือไม่ ทำไมต้องคิดเรื่อง CPTPP
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH