ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม 2564 ธันวาคม

ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ธ.ค. 64 ฟื้น 4 เดือนติด ส.อ.ท. ชงเร่งฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 ป้องกันโอมิครอน แนะรัฐไม่ควรล็อกดาวน์

อัปเดตล่าสุด 11 ม.ค. 2565
  • Share :

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 86.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.4 ในเดือนก่อน ดัชนีฯ ฟื้นตัวต่อเนื่อง 4 เดือนติด ส.อ.ท. ชงยกระดับป้องกันโอมิครอน เร่งฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 ประชาชน แนะรัฐไม่ควรล็อกดาวน์

วันที่ 11 มกราคม 2565 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 86.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.4 ในเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน สะท้อนความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศภายหลังจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 เพิ่มเติม ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้มากขึ้นทั้งภาคการผลิต การค้า และการเดินทางในประเทศเพิ่มขึ้น โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ช่วยส่งเสริมการใช้จ่ายของประชาชนโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่

ส่วนในด้านการส่งออกมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามเศรษฐกิจโลกที่ทยอยฟื้นตัว ขณะที่การอ่อนค่าของเงินบาท ส่งผลดีต่อผู้ส่งออกและช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทย แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยลบจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนโดยเฉพาะการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งจากราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบ ขณะที่ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และตู้คอนเทนเนอร์ก็ยังคงไม่คลี่คลาย

จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,325 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศในเดือนธันวาคม 2564 พบว่า

- ​ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมัน ร้อยละ 67.3 และสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ร้อยละ 62.2

ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ ร้อยละ 55.1, สภาวะเศรษฐกิจโลก ร้อยละ 44.0, สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ร้อยละ 43.5, อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 40.8, และอัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ร้อยละ 38.5 ตามลำดับ

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 95.2 จากระดับ 97.3 ในเดือนพฤศจิกายน 2564 เนื่องจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) เริ่มระบาดในประเทศไทยและในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ ผู้ประกอบการมีความกังวลว่าหากมีการแพร่ระบาดรุนแรงในประเทศภาครัฐอาจพิจารณาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ซึ่งอาจส่งกระทบต่อการประกอบกิจการและฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565

 

ข้อเสนอแนะของ ส.อ.ท. ต่อภาครัฐ

1. เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 (Booster) ให้กับประชาชน เพื่อลดโอกาศการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) และลดความรุนแรงเมื่อติดเชื้อ

2. ยกระดับการดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุข ควบคู่ไปกับมาตรการด้านเศรษฐกิจ โดยไม่นำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้ เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้

3. การเตรียมความพร้อมด้านระบบสาธารณสุข ศูนย์พักคอย สถานที่กักตัว และโรงพยาบาล ตลอดจนสำรองยาและเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์รวมทั้งเตรียมความพร้อมของบุคลากร เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron)

4. เร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจและช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย ในการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ภายใต้กรอบความร่วมมือการเปิดเสรีการค้าตามข้อตกลง RCEP ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ทำการรวบรวมข้อมูลผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจากหน่วยงานต่างๆ ย้อนหลัง 3 ปี จัดทำเป็น Dashboard เผยแพร่ในเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม Industry Data Space (iDS) ของสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ โดยสามารถเข้าไปใช้บริการข้อมูลดังกล่าวได้ที่ www.fti.or.th/ids

 

#ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม #ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม #ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม 2564 #อุตสาหกรรมไทย #COVID19 #วัคซีนโควิด #ฉีดวัคซีน #ฉีดวัคซีนแรงงาน ม.33 #สถานประกอบการ #สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 

 

อ่านต่อ:

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH