ภาวะอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ของประเทศไทย เดือนพฤศจิกายน 2563
อุตสาหกรรมแม่พิมพ์ภาพรวมในเดือนพฤศจิกายน 2563 ประเทศไทยมีการนำเข้าและส่งออกขยับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ยังมีการขาดดุลการค้ามูลค่า 1,171 ล้านบาท โดยแม่พิมพ์ยางและพลาสติกยังคงเป็นกลุ่มที่ขาดดุลสูงสุด
ศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอุตสาหกรรม สถาบันไทย-เยอรมัน (TGI) ได้จัดทำรายงานภาวะอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ในเดือนพฤศจิกายน 2563 การนำเข้าและส่งออกขยับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากประเทศไทยยังคงเป็นฐานการผลิตหลักที่ต้องใช้แม่พิมพ์จากต่างประเทศ จึงยังคงภาวะขาดดุลการค้า (Trade Balance) มูลค่า 1,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% จากเดือนก่อนหน้า แต่ลดลง 19.9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยแม่พิมพ์ยางและพลาสติกเป็นกลุ่มที่ขาดดุลสูงสุด 832 ล้านบาท
การส่งออกแม่พิมพ์ในเดือนพฤศจิกายน 2563 ประเทศไทยส่งออกแม่พิมพ์เป็นมูลค่ารวม 1,029 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 21.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยไทยส่งออกแม่พิมพ์ไปยังประเทศญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 1 คิดเป็น 27% รองลงมาเป็นกัมพูชา 22% และเวียดนาม 15%
การนำเข้าแม่พิมพ์ในเดือนพฤศจิกายน 2563 มีมูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 12.1% จากเดือนก่อนหน้า แต่ลดลง 4.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีแล้ว โดยเป็นการนำเข้าในกลุ่มแม่พิมพ์ยางและพลาสติกเป็นหลัก มีมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ราว 1,252 ล้านบาท โดย 3 ประเทศหลักที่ไทยนำเข้าแม่พิมพ์มา ได้แก่ จีน 38%, ญี่ปุ่น 28%, และเกาหลีใต้ 21%
อ่านบทความ และรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : www.tgi.or.th