ดัชนีราคาผู้ผลิตไทย 2566 เดือนสิงหาคม ดัชนีราคาผู้ผลิตไทย ส.ค. 66

ดัชนีราคาผู้ผลิตไทย 2566 เดือน ส.ค. ลดลง 3.1% ต่อเนื่องเดือนที่ 6

อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 2566
  • Share :
  • 366 Reads   

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสรุปรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศไทย เดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 110.2 ลดลง 3.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 1.3% จากเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักจากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญทั้ง 3 หมวดหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์จากเหมือง และผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง 

ดัชนีราคาผู้ผลิต​ แบ่งตามกิจกรรมการผลิต (CPA : Classification of Products by Activity) เดือนสิงหาคม 2566 (ปี 2558 = 100) เท่ากับ 110.2 เทียบกับเดือนสิงหาคม 2565 ลดลงร้อยละ 3.1 (YoY) ตามการลดลงของราคาสินค้าสำคัญทั้ง 3 หมวดหลัก ประกอบด้วย

  • หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 1.9 จากราคาสินค้าที่เคลื่อนไหวตามราคาตลาดโลก โดยกลุ่มสินค้าสำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก และโลหะขั้นมูลฐาน (เหล็ก)   
  • หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 26.4 จากกลุ่มสินค้าสำคัญ ได้แก่ ปิโตรเลียมดิบและก๊าซธรรมชาติ และสินแร่โลหะ   
  • หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลงร้อยละ 1.4 เป็นผลจากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลปาล์มสด ยางพารา สุกรมีชีวิต และกุ้งแวนนาไม อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือก หัวมันสำปะหลังสด พืชผัก ผลไม้ และไข่ไก่

ขณะที่ ดัชนีราคาผู้ผลิต แบ่งตามขั้นตอนการผลิต (SOP : Stage of Processing) พบว่า ดัชนีหมวดสินค้าสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 0.6 ขณะที่หมวดสินค้ากึ่งสำเร็จรูป (แปรรูป) และหมวดสินค้าวัตถุดิบ ลดลงร้อยละ 6.4 และ 11.7 ตามลำดับ โดยมีสินค้าสำคัญในห่วงโซ่อุปทานที่ราคาเคลื่อนไหวตามราคาวัตถุดิบ ประกอบด้วย สินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า -> ข้าวสารเจ้า/ข้าวนึ่ง และ ข้าวเปลือกเหนียว -> ข้าวสารเหนียว สำหรับสินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่ ผลปาล์มสด -> น้ำมันปาล์มดิบ -> น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ และ น้ำยางสด/ยางแผ่นดิบ/เศษยาง -> ยางแผ่นรมควัน/ยางแท่ง -> ถุงมือยาง/ถุงยางอนามัย/ยางรัดของ

ดัชนีราคาผู้ผลิต 2566 เดือนสิงหาคม เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) ลดลงร้อยละ 3.1 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้

  • หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 1.9 จากสินค้าสำคัญในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ซึ่งราคาเคลื่อนไหวตามตลาดโลกที่มีฐานสูงในปีก่อน กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติก และโซดาไฟ เนื่องจากราคาปรับลดลงตามราคาอ้างอิงตลาดต่างประเทศ ประกอบกับความต้องการสินค้าชะลอตัว และปุ๋ยเคมีผสม เนื่องจากราคาวัตถุดิบลดลง กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เนื่องจากสินค้าบางรุ่นปรับราคาลดลง ก่อนการผลิตรุ่นใหม่ทดแทน นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอุตสาหกรรมที่ราคาลดลงตามราคาวัตถุดิบ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแท่ง น้ำยางข้น ถุงมือยาง ยางแผ่นรมควัน แผ่นฟิล์มพลาสติก และบรรจุภัณฑ์พลาสติกอื่น ๆ กลุ่มโลหะขั้นมูลฐาน ได้แก่ เหล็กแท่ง เหล็กแผ่นรีดเย็น ท่อเหล็กกล้า เหล็กลวด และเหล็กเส้น และกลุ่มกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ ได้แก่ เยื่อกระดาษ กล่องกระดาษ และกระดาษแข็ง

  • หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 26.4 จากการลดลงของราคาสินค้า ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และสินแร่โลหะ (สังกะสี ยิปซัม เหล็ก ดีบุก) ซึ่งราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่ลดลงตามราคาตลาดโลก  
  • หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลงร้อยละ  1.4 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย กลุ่มพืชล้มลุก ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากมีการนำเข้าข้าวโพดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาข้าวโพดในประเทศปรับตัวลดลง กลุ่มไม้ยืนต้น ได้แก่ ผลปาล์มสด เนื่องจากปริมาณผลผลิตในประเทศออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกมีการปรับตัวลดลงจากปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันของโลกที่สูงขึ้น ยางพารา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางพาราในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องลดลง กลุ่มสัตว์ ได้แก่ สุกรมีชีวิต เนื่องจากปริมาณผลผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งจากการนำเข้าและการผลิตของเกษตรกรบางส่วนในประเทศ ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มลดลง และผลิตภัณฑ์จากการประมง ได้แก่ กุ้งแวนนาไม เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการบริโภคลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว สำหรับสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ประเทศผู้ค้าข้าวสำคัญหลายประเทศประกาศห้ามการส่งออกข้าว หัวมันสำปะหลังสด เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น พืชผัก (พริกแห้ง พริกสด หอมแดง) และผลไม้ (สับปะรด ลำไย มะละกอสุก กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า) เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และปริมาณน้ำที่ใช้ในภาคการเกษตรมีน้อย สัตว์ทะเล (ปลาหมึกกล้วย ปูม้า) เนื่องจากความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว และไข่ไก่ เนื่องจากความต้องการบริโภคทั้งในประเทศและการส่งออกเพิ่มขึ้น

ดัชนีราคาผู้ผลิต 2566 เดือนกรกฎาคม เทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้

  • หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 1.7 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 น้ำมันเตา น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันก๊าด และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เนื่องจากอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปตึงตัวในภูมิภาคเอเชีย จากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและการปรับลดกำลังการผลิตของประเทศผู้ผลิตน้ำมันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐฯ และจีน เป็นอีกแรงกดดันที่ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันและราคามีแนวโน้มลดลง กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ ข้าวสารเจ้า ข้าวนึ่ง และข้าวสารเหนียว ราคาปรับสูงขึ้นตามราคาข้าวเปลือก เนื่องจากโรงสีมีความต้องการนำไปแปรรูปเพื่อขายในประเทศและส่งออกเพิ่มขึ้น น้ำตาลทราย ราคาเคลื่อนไหวตามตลาดโลก น้ำสับปะรด และมันเส้น เนื่องจากราคาส่งออกปรับเพิ่มขึ้นตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่า กาแฟผงสำเร็จรูป และน้ำมันถั่วเหลืองบริสุทธิ์ เนื่องจากผู้ผลิตบางรายปรับราคาสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบ กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล Integrated Circuit (IC) หน่วยรับข้อมูล/แสดงผล และแผงวงจรไฟฟ้า เนื่องจากเป็นสินค้าส่งออก ราคาจึงปรับตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่า กลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถบรรทุกขนาดเล็ก เนื่องจากผู้ผลิตบางรายปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิต กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติก และปุ๋ยเคมีผสม เนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น และกลุ่มกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ ได้แก่ สมุด เนื่องจากผู้ผลิตปรับราคาสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบ หลังจากไม่ได้ปรับราคาหลายปี และเยื่อกระดาษ เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 

  • หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 1.7 จากการลดลงของราคาสินค้า ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ เป็นหลัก ตามความต้องการใช้ที่มีปริมาณลดลง 
  • หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลงร้อยละ 0.5 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย กลุ่มพืชล้มลุก ได้แก่ หัวมันสำปะหลังสด เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่มีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้คุณภาพเชื้อแป้งลดลง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากราคาเริ่มกลับสู่ภาวะปกติเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่มีราคาสูง ประกอบกับปริมาณความต้องการใช้ในการเลี้ยงปศุสัตว์เริ่มลดลง ยางพารา เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูการเปิดกรีดยาง ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ประกอบกับฝนที่ตกทำให้คุณภาพของน้ำยางลดลง และพืชผัก (มะนาว ถั่วฝักยาว พริกสด) เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยในการเพาะปลูก กลุ่มสัตว์ ได้แก่ สุกรมีชีวิต เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากกว่าความต้องการบริโภค ประกอบกับยังคงมีปัญหาเนื้อสุกรเถื่อนที่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศปรากฏอยู่ในท้องตลาด ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และไก่มีชีวิต เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความต้องการบริโภคชะลอตัวทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก และกลุ่มปลาและสัตว์น้ำ ได้แก่ กุ้งแวนนาไม และปลานิล เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น สวนทางกับปริมาณความต้องการที่ลดลง สำหรับสินค้าสำคัญที่ราคาปรับสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยจากปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกในหลายพื้นที่สำคัญ รวมทั้งผู้ประกอบการโรงสียังคงมีความต้องการรับซื้อเพื่อส่งมอบให้กับคู่ค้าและเก็บไว้ในสต็อก และกลุ่มสัตว์ ได้แก่ ไข่ไก่ เนื่องจากภาวะการค้าคล่องตัวขึ้นตามปัจจัยบวกจากความต้องการบริโภคทั้งในประเทศและการส่งออกที่เพิ่มขึ้น

ดัชนีราคาผู้ผลิต 2566 เฉลี่ย 8 เดือน (ม.ค.- ส.ค.) เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (AoA) ลดลงร้อยละ 2.7 โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายหมวด ดังนี้

  • หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 2.7 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันก๊าด และน้ำมันหล่อลื่น กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เม็ดพลาสติก โซดาไฟ และกรดเกลือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแท่ง น้ำยางข้น ยางแผ่นรมควัน ถุงมือยาง แผ่นฟิล์มพลาสติก และกลุ่มโลหะขั้นมูลฐาน ได้แก่ เหล็กเส้น เหล็กแท่ง เหล็กลวด และท่อเหล็กกล้า 
  • หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 9.3 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และสินแร่โลหะ (สังกะสี) 

แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิต 2566 เดือนกันยายน

ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนกันยายน 2566 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่เมื่อเทียบกับ ปี 2565 ยังคงหดตัวต่อเนื่อง จากผลของฐานราคาปี 2565 ที่อยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม ราคาพลังงานที่ยังคงผันผวน สภาพอากาศ/ภัยแล้งที่อาจส่งผลต่อปริมาณผลผลิตทางการเกษตรและประมง การจำกัดการส่งออกข้าวของอินเดียและพม่า ต้นทุนการผลิตที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าจ้างแรงงาน และอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ซึ่งจะกระทบต่อภาคการผลิตและดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศไทยตามลำดับ ทั้งนี้ จะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

 

#ดัชนีราคาผู้ผลิต 2566 #ดัชนีราคาผู้ผลิต ppi #ดัชนีราคาผู้ผลิต (ppi) #ดัชนีราคาผู้ผลิต (ppi) คือ #ดัชนีราคาผู้ผลิต คือ #ดัชนีราคาผู้ผลิต ย้อนหลัง #แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิต #ดัชนีราคา #ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม #กองดัชนีเศรษฐกิจการค้า #สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า #กระทรวงพาณิชย์

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH