แนวโน้มตลาด Connected Car ปี 2023 - 2035
แนวโน้มตลาด Connected Car คาดปี 2035 มียอดขายรวม 92.3 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2022
“Connected Car คือ แนวคิดของการเชื่อมต่อยานยนต์เข้ากับยานยนต์ด้วยกันหรืออุปกรณ์อื่นผ่านระบบเน็ตเวิร์คเพื่อให้สามารถรับส่งข้อมูลระหว่างกัน นำมาซึ่งฟังก์ชันการทำงานต่าง ๆ มากมายที่ไม่จำกัดเพียงแค่ระบบขับขี่อัตโนมัติ”
วันที่ 27 มีนาคม 2023 สำนักวิเคราะห์ Fuji Keizai ประเทศญี่ปุ่น เผยแพร่รายงาน “แนวโน้มตลาด Connected Car, V2X, และการขับขี่อัตโนมัติ ฉบับปี 2023” โดยรวบรวมข้อมูลจากค่ายรถ สมาคม และบทวิเคราะห์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดดังนี้
- อ่านรายงานฉบับก่อนหน้า คลิก
- “ยานยนต์ไร้คนขับ” กับทิศทางการเติบโตในปี 2022-2045
Advertisement | |
ตลาด Connected Car ปี 2022 - 2035
แม้ในปี 2023 วิกฤตชิปขาดตลาดจะยังไม่สิ้นสุดก็ตาม แต่มีแนวโน้มว่าตลาด Connected Car ในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัว โดยคาดว่ายอดขายยานยนต์ที่ติดตั้งเทคโนโลยี Connected Car จะมีจำนวนรวม 5.08 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 11.6% จากปีก่อนหน้า
หลังจากนี้ การลงทุนด้านเทคโนโลยี Connected Car ทั้งจากค่ายรถและผู้ผลิต Tier 1 จะเพิ่มขึ้น คาดว่า ในปี 2035 ยอดขายยานยนต์ที่มีเทคโนโลยี Connected Car จะอยู่ที่ 92.3 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2022
การเติบโตของ Connected Car จะนำมาซึ่งเทคโนโลยีสื่อสารของยานยนต์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น Cellular V2X (C-V2X), การสื่อสารระยะสั้นเฉพาะ (Dedicated Short Range Communications: DSRC), และการเชื่อมต่อยานยนต์เข้ากับโทรศัพท์มือถือ
C-V2X
C-V2X หรือ Cellular-V2X เป็นระบบสื่อสารไร้สาย เชื่อมต่อได้ทั้งยานยนต์สู่ยานยนต์ (V2V) และยานยนต์สู่ระบบโครงสร้างพื้นฐาน (V2I) ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีการเชื่อมต่อนี้ถูกนำมาใช้ในการพัฒนาระบบป้องกันอุบัติเหตุ
ในรถแบรนด์จีนอย่าง BYD เริ่มใช้เทคโนโลนี้ในรถรุ่นไฮคลาสมาตั้งแต่ปลายปี 2020 อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปี 2023 รัฐบาลจีนได้เผยไกด์ไลน์ Internet of Vehicles (IoV) ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ใหม่ครึ่งหนึ่งในปี 2025 ให้เชื่อมต่อแบบ Vehicle-to-Everything (V2X) ได้ ทำให้คาดการณ์ว่าตลาดจีมีการเติบโตเป็นอย่างมาก
ส่วนค่ายรถสหรัฐฯ อย่าง General Motors และ Ford เอง ก็เริ่มใช้เทคโนโลนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2020 เช่นกัน ซึ่งหน่วยงานกิจการโทรคมนาคมของประเทศสหรัฐอเมริกา (FCC) ได้ทำการจัดสรรคลื่นความถี่ 5.9 GHz ใหม่ ทำให้ผู้ผลิตยานยนต์เริ่มเปลี่ยนจากระบบ DSRC เป็น C-V2X แทน และคาดการณ์ว่าจะเป็นตลาดใหญ่รองจากจีนในอนาคต
ฟากค่ายรถยุโรปนั้น เนื่องจาก EuroNCAP จะมีการใช้มาตรฐานใหม่ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ทำให้คาดการณ์ว่า C-V2X จะถูกติดตั้งในรถหรูนับตั้งแต่ปีเดียวกันนี้ และเริ่มแพร่หลายในช่วงปี 2030 เป็นต้นไป
ฝั่งญี่ปุ่น แม้ปัจจุบันจะเริ่มมีการทดลองเทคโนโลยี C-V2X แล้ว แต่คลื่นความถี่ 5.9 GHz ซึ่งหลายประเทศจัดสรรให้ยานยนต์นั้นเป็นคลื่นที่ญี่ปุ่นใช้ในการกระจายสัญญาณโทรทัศน์ ทำให้คาดการณ์ว่าจะต้องมีการหารืออีกหลายฝ่ายจึงจะลงตัว
คาดการณ์ว่า ในปี 2035 จะมียานยนต์ติดตั้งเทคโนโลยี C-V2X จำนวน 48.7 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 97.4 เท่าจากปี 2022
DSRC
การสื่อสารระยะสั้นเฉพาะ (Dedicated Short Range Communications: DSRC) คือ ระบบสื่อสารไร้สายระยะสั้นถึงระยะกลางทางเดียวหรือสองทางที่ออกแบบเพื่อใช้ในยานยนต์โดยเฉพาะ เป็นระบบที่ได้รับความนิยมแพร่หลายในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์เชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ไม่ได้รับความนิยมในจีนนัก เนื่องจากรถจีนนิยมใช้ C-V2X มากกว่า ส่วนสหรัฐฯ เองก็เริ่มมีแนวโน้มหันมาใช้ระบบ C-V2X ตั้งแต่ช่วงปี 2020
คาดการณ์ว่า ในปี 2035 จะมียานยนต์ติดตั้งเทคโนโลยี DSRC จำนวน 5 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 16.7 เท่าจากปี 2022
การเชื่อมต่อยานยนต์เข้ากับโทรศัพท์มือถือ
การเชื่อมต่อยานยนต์เข้ากับโทรศัพท์มือถือเป็นอีกเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากในปัจจุบัน แอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น CarPlay และ Android Auto กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีแอปพลิเคชันที่รองรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
#ConnectedCar #ยานยนต์ #แนวโน้มยานยนต์ #Mreport #mreportth #ข่าวอุตสาหกรรม #onlinecontent
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- สรุปยอดขายรถยนต์ในไทย ปี 2565
- ครม. อนุมัติงบอุดหนุนรถ BEV 18,000 - 150,000 บาท/คัน
- ภาพรวมอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ของไทย
- 17 อุตสาหกรรมแนวโน้มเติบโตในปี 2566
- 10 ตัวอย่างที่นำ 5G มาใช้งานได้อย่างน่าสนใจและประสบผลสำเร็จ
- เทคโนโลยีแห่ง G สู่ 5G เครือข่ายไร้สาย
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคืออะไร ตลาดจะก้าวไปในทางไหนในปี 2030?
- เทคโนโลยีสำหรับโลจิสติกส์ ทางเลือกสู่ทางรอด ปรับก่อนโดนเบียด
- นิยามใหม่ SME ใช้ “รายได้” เป็นตัวกำหนด
- FTA ไทย มีกี่ประเทศ พอหรือไม่ ทำไมต้องคิดเรื่อง CPTPP
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH