คาดการณ์ ‘ระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์’ ปี 2022 - 2035
รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังแพร่หลายทำให้ระบบไฟฟ้า ชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดระบบไฟฟ้ายานยนต์ทั่วโลกในปี 2022 จะมีมูลค่า 2.87 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 40.4% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายชนิดเติบโตอย่างมาก เช่น Drive Monitoring System มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3.6 เท่า
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2023 สำนักวิเคราะห์ Fuji Keizai ประเทศญี่ปุ่น เผยแพร่รายงานผลสำรวจตลาดระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ทั่วโลก ระบุแนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อมและการเดินสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนจะกระตุ้นการลงทุนด้านอีวีให้พุ่งสูง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ ทั้งโครงสร้างชิ้นส่วน ตำแหน่งการจัดวาง การจ่ายไฟ รวมถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ในตัวรถ รายละเอียดดังนี้
Advertisement | |
ระบบไฟฟ้าในยานยนต์
ในปี 2022 โลกประสบกับปัญหาหลายด้าน ทั้งโควิดที่ยังไม่สิ้นสุด สงครามรัสเซีย-ยูเครน และอื่น ๆ ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบในกลุ่มโลหะและกลุ่มพลาสติกพุ่งสูง ขณะที่วิกฤตชิปขาดตลาด ทำให้ผู้ผลิตหลายรายไม่สามารถดำเนินตามแผนที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้ากำลังแพร่หลายอย่างมากในยุโรปและจีน ทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์กลุ่ม xEV เติบโตเป็นอย่างมาก
จากการประเมินตัวเลขเบื้องต้นพบว่า ในปี 2022 ตลาดระบบไฟฟ้าในยานยนต์ทั่วโลกมีมูลค่ารวม 38,484,200 ล้านเยน (287,155 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 40.4% จากปีก่อนหน้า
คาดการณ์ว่า ในปี 2035 ตลาดระบบไฟฟ้าในยานยนต์จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 82,392,100 ล้านเยน (614,781 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 3.0 เท่าจากปี 2021
โดยมีรายละเอียดตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้
- กลุ่มระบบส่งกำลังยานยนต์ ปี 2022 มีมูลค่า 7,577,100 ล้านเยน (56,510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 10.9% และคาดการณ์ตัวเลขในปี 2035 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 7,708,200 ล้านเยน (57,486 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 12.8% จากปี 2021
- กลุ่ม xEV ปี 2022 มีมูลค่า 17,167,900 ล้านเยน (128,036 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 91.1% คาดการณ์ตัวเลขในปี 2035 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 47,450,700 ล้านเยน (353,882 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 5.3 เท่าจากปี 2021
- กลุ่มระบบความปลอดภัย ปี 2022 มีมูลค่า 5,525,100 ล้านเยน (41,205 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 24.2% คาดการณ์ว่าในปี 2035 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 11,627,100 ล้านเยน (86,713 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 2.6 เท่าจากปี 2021
- กลุ่มตัวถังยานยนต์ ปี 2022 มีมูลค่า 3,597,700 ล้านเยน (26,831 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 12.9% คาดการณ์ว่าในปี 2035 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5,401,800 ล้านเยน (40,286 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 69.5% จากปี 2021
- ระบบสารสนเทศ ปี 2022 มีมูลค่า 4,616,500 ล้านเยน (34,429 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 16.5% คาดการณ์ว่าในปี 2035 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 10,204,300 ล้านเยน (76,102 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 2.6 เท่าจากปี 2021
ชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์
ชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์เป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าระบบไฟฟ้าในยานยนต์ สืบเนื่องจากระบบต่าง ๆ ของรถ xEV เช่น ระบบสนับสนุนการขับขี่ มีเซนเซอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากเป็นส่วนประกอบ อีกทั้งขนาดของยานยนต์ที่มีพื้นที่จำกัด ทำให้อุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ถูกพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง ทำหน้าที่ได้มากขึ้น หรือรวมชิ้นส่วนหลายชิ้นเข้ากันเป็นชิ้นเดียวเพื่อประหยัดพื้นที่
นอกจากนี้ ในยานยนต์หนึ่งคันยังมี Power Semiconductor และชิป IC ประสิทธิภาพสูงมากขึ้น ทำให้การจัดการความร้อนและพลังงานในยานยนต์มีความจำเป็นกว่าที่ผ่านมา นำไปสู่ความต้องการชิ้นส่วนที่ทนหรือถ่ายเทความร้อนได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
จากการประเมินตัวเลขเบื้องต้นพบว่า ในปี 2022 ตลาดชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ทั่วโลกมีมูลค่ารวม 22,086,600 ล้านเยน (164,720 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 70.9% จากปีก่อนหน้า
ส่วนในอนาคต ระบบขับขี่อัตโนมัติจะกระตุ้นให้ความต้องการเซนเซอร์ และ Actuator สำหรับระบบ ADAS เช่น Sensing Camera และ LIDAR เติบโตยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ LIDAR เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนที่ติดตั้งในยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 (Level 3) ซึ่งกำลังทยอยเปิดตัว รวมถึงยังมีแนวโน้มจะถูกนำมาใช้กับ MaaS และรถหรูในอนาคต ส่วนอีกกลุ่มที่น่าจับตา คือ เซนเซอร์เรดาร์ (Radar sensors) จะมีการเติบโตเช่นกัน เนื่องจากยุโรปมีข้อบังคับให้ยานยนต์ติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป
คาดการณ์ว่า ในปี 2035 ตลาดชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 59,097,600 ล้านเยน (440,744 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 4.6 เท่าจากปี 2021
Drive Recorder
Drive Recorder คือ ระบบบันทึกการขับขี่ ซึ่งครอบคลุมทั้งภาพจากกล้องหน้าและกล้องหลัง ภาพภายในรถ และอื่น ๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งปัจจุบัน ระบบนี้กำลังมีความต้องการเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในตลาดยานยนต์จีนและประเทศในเอเชีย ส่วนในญี่ปุ่นกำลังเริ่มได้รับความนิยมเนื่องจากมีคดีการขับรถโดยประมาทเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทประกันใช้ข้อมูลจาก Drive Recorder ประกอบการพิจารณาการจ่ายค่าชดเชย นอกจากนี้ ในประเทศอื่น ๆ ก็เริ่มเล็งเห็นความสำคัญของระบบนี้กันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Drive Recorder มักเป็นอุปกรณ์ในรถที่ผู้บริโภคหาซื้อมาติดตั้งในภายหลัง เนื่องจากมีตัวเลือกที่หลากหลายกว่าทั้งในด้านของราคาและฟังก์ชัน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเริ่มมีการพัฒนาให้ Drive Recorder เป็นส่วนหนึ่งของยานยนต์มากขึ้น เช่น เป็นส่วนหนึ่งของจอภาพ ซึ่งในอนาคตอาจมีการแพร่หลายหรือกลายเป็นออปชันที่ผู้บริโภคสามารถเลือกได้เมื่อซื้อรถ
จากตัวเลขประเมินเบื้องต้นพบว่า ในปี 2022 ตลาด Drive Recorder มีมูลค่า 833,100 ล้านเยน (6,213 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 16.6% จากปีก่อนหน้า และคาดการณ์ว่า ในปี 2035 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1,308,000 ล้านเยน (9,754 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 83.0% จากปี 2021
Driver Monitoring System
Driver Monitoring System (DMS) คือ ระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ที่จะมาช่วยจับพฤติกรรมการขับขี่ ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยที่จำเป็นต่อยานยนต์อัตโนมัติ Level 3 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยทำให้มีการบังคับติดตั้ง DMS ในยานยนต์ โดยอียูจะมีผลบังคับใช้ในปี 2024 และอเมริกาเหนือในปี 2026 จึงเป็นที่คาดการณ์ว่าจะเป็นอีกหนึ่งระบบที่มีการเติบโตในระยะยาว
ในปี 2022 Driver Monitoring System มีเพียงกล้องในยานยนต์ แต่ปัจจุบันกำลังมีการพัฒนาระบบตรวจจับอื่น ๆ เช่น การใช้เรดาร์คลื่นมิลลิเมตรและไบโอเซนเซอร์ร่วมกัน ไปจนถึงการตรวจสอบว่ามีเด็กอยู่ในรถหรือไม่ นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าในอนาคต Driver Monitoring System จะถูกนำไปใช้ในด้านอื่นนอกจากความปลอดภัย เช่น การปรับแอร์รถอัตโนมัติอีกด้วย
จากตัวเลขประเมินเบื้องต้นพบว่า ในปี 2022 ตลาด Driver Monitoring System (DMS) จะมีมูลค่า 82,100 ล้านเยน (612 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 3.6 เท่าจากปีก่อนหน้า และคาดการณ์ว่า ในปี 2035 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1,256,600 ล้านเยน (9,371 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 55.4 เท่าจากปี 2021
ระบบ ADAS
Advanced driver-assistance system (ADAS) หรือ ระบบสนับสนุนการขับขี่ เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ายานยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicles) Level 1-2 และ Level 3 ที่ไม่ติดตั้ง HD Map และ LIDAR ตามมาตรฐานของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์นานาชาติ ซึ่งปัจจุบัน ระบบ ADAS กำลังเป็นที่แพร่หลายยิ่งขึ้นจากการประกาศข้อบังคับให้ยานยนต์ติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
ระบบ ADAS ในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ เช่น ระบบที่เรียบง่าย ติดตั้งเฉพาะเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร (millimeter-Wave Radar) หรือกล้องตาเดียว (monocular camera), ระบบขนาดใหญ่ที่ใช้เซนเซอร์จำนวนมาก, ระบบช่วยเปลี่ยนเลน, ระบบที่ช่วยให้ปล่อยมือจากพวงมาลัยได้ชั่วคราว, และอื่น ๆ
คาดการณ์ว่าตลาดจะมีการเติบโตในระยะยาว โดยช่วงต้นจะมีการเติบโตในด้านจำนวนการติดตั้ง ก่อนจะมีมูลค่ามากขึ้นหลังช่วงปี 2026 เป็นต้นไป และคาดว่าจะมีการเติบโตสูงสุดในยุโรป
จากตัวเลขประเมินเบื้องต้นพบว่า ในปี 2022 ตลาด ระบบ ADAS จะมีมูลค่า 1,601,500 ล้านเยน (11,943 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 20.7% จากปีก่อนหน้า คาดการณ์ว่าในปี 2035 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 2,212,400 ล้านเยน (16,450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 66.8% จากปี 2021
ระบบขับขี่อัตโนมัติ
ระบบขับขี่อัตโนมัติเริ่มติดตั้งในยานยนต์ญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2021 โดยโตโยต้า ตามด้วยรถแบรนด์จีนในปี 2022 ทำให้ตลาดเริ่มมีการขยายตัว โดยปัจจุบัน ระบบขับขี่อัตโนมัติประกอบจากชิ้นส่วนจำนวนมาก มีราคาแพง แต่คาดการณ์ว่าเมื่อชิ้นส่วนต่าง ๆ เช่น LIDAR ไปจนถึงกระบวนการผลิตและติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์มีราคาถูกลง ระบบขับขี่อัตโนมัติก็จะแพร่หลายรวดเร็วยิ่งขึ้น จึงเป็นที่คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตอย่างมากในระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีตลาดอื่นที่ไม่ใช่ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรองรับอีกด้วย เช่น แท็กซี่ไร้คนขับ และ MaaS
จากตัวเลขประเมินเบื้องต้นพบว่า ในปี 2022 ตลาดระบบขับขี่อัตโนมัติจะมีมูลค่า 122 ล้านเยน (0.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 2.0 เท่าจากปีก่อนหน้า คาดการณ์ว่า ในปี 2035 ะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 3,965,800 ล้านเยน หรือราว 29,576 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 661.0 เท่าจากปี 2021
#รถยนต์ไฟฟ้า #อุตสาหกรรมยานยนต์ #อิเล็กทรอนิกส์ #Mreport #mreportth #ข่าวอุตสาหกรรม #onlinecontent
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- สรุปยอดขายรถยนต์ ครึ่งปีแรก 2022
- ภาพรวมอุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ของไทย
- สถานการณ์ชิปขาดตลาด 2022 จะสิ้นสุดเมื่อไหร่?
- 12 เทรนด์เทคโนโลยีมาแรงแห่งปี 2022
- 10 ตัวอย่างที่นำ 5G มาใช้งานได้อย่างน่าสนใจและประสบผลสำเร็จ
- เทคโนโลยีแห่ง G สู่ 5G เครือข่ายไร้สาย
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคืออะไร ตลาดจะก้าวไปในทางไหนในปี 2030?
- เทคโนโลยีสำหรับโลจิสติกส์ ทางเลือกสู่ทางรอด ปรับก่อนโดนเบียด
- นิยามใหม่ SME ใช้ “รายได้” เป็นตัวกำหนด
- FTA ไทย มีกี่ประเทศ พอหรือไม่ ทำไมต้องคิดเรื่อง CPTPP
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH