แรงไม่หยุด Tesla เผย ปี 2020 กำไรพุ่ง 63%
♦ ผลประกอบการปี 2020 ปิดที่ 31,536 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อน และทำกําไรจากการดําเนินงาน 6,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 63%
♦ ปัจจัยหลักมาจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างมั่นคง
♦ ราคาเฉลี่ยของรถเทสล่าถูกลงจากการหันมาโฟกัส Model 3 และ Model Y ทำให้ขายได้มากขึ้น
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2021 เทสล่า (Tesla) รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 เผย รายได้รวมปิดที่ 10,744 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 6 ไตรมาส และทำกําไรจากการดําเนินงาน 575 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 60% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ส่งผลให้รายได้ในปี 2020 ปิดที่ 31,536 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 28% และทำกําไรจากการดําเนินงาน 6,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 63%
ในไตรมาสที่ 4 เทสล่ามียอดผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 179,757 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 71% และยอดขาย 180,570 คัน เพิ่มขึ้น 61%
ปัจจัยหลักมาจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างมั่นคง และการเปลี่ยนไลน์ผลิตภัณฑ์จาก Model S และ Model X ไปยัง Model 3 และ Model Y ซึ่งมีราคาถูกกว่า ส่งผลให้ราคายานยนต์โดยเฉลี่ยของบริษัทลดลงถึง 11%
โดยในช่วงตลอดปีที่ผ่านมา เทสล่าประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงสร้างการผลิตและซัพพลายเชนเป็นอย่างมาก ทั้งการพัฒนาสายการผลิตในสหรัฐฯ ให้รองรับ Model S และ Model X รุ่นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถกลับมาทำการผลิตได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ รวมถึงแผนเพิ่มกำลังผลิต Model Y และการนำชิ้นส่วนไดคาสติ้งมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของยานยนต์
เครื่องฉีดดายคาสติ้ง เทสล่า ประเทศจีน (Photo: Tesla)
ส่วนโรงงานในจีนได้ถูกเร่งเสริมกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นไปอยู่ที่ 450,000 คันต่อปี โดยบางส่วนถูกป้อนเข้าสู่ตลาดยุโรปเพื่อชดเชยการหยุดผลิตของโรงงานในสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างปรับปรุง ถัดจากนั้น กำลังการผลิตจากโรงงานในเยอรมนีซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างจะเข้ามาสมทบ