107-ธุรกิจใหม่-จดทะเบียน-กรมพัฒนาธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ตั้งธุรกิจใหม่ปี’62 หด 1% เลิกกิจการเพิ่ม 2% ลุ้นเศรษฐกิจดันยอดตั้งธุรกิจปีนี้ 7.3 หมื่นราย

อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 2563
  • Share :
  • 455 Reads   

นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจ ประจำเดือนธันวาคม 2562 และปี 2562 พบว่า ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนธันวาคม 2562 จำนวน 3,158 ราย ลดลง 944 ราย เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีจำนวน 4,102 ราย หรือคิดเป็นลดลง 23% ส่วนมูลค่าทุนจดทะเบียน 21,451 ล้านบาทในเดือนนี้ ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 287 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 236 ราย คิดเป็น 7 % และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 104 ราย คิดเป็น 3%

ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ในเดือนธันวาคม 2562 มีจำนวน 5,666 ราย เพิ่มขึ้น 155 ราย เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 5,511 ราย หรือคิดเป็น 3% ส่วน มูลค่าทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 21,729 ล้านบาท ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 496 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 296 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 151 ราย คิดเป็น 3%

ขณะที่ ธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 2562 (เดือน ม.ค. – ธ.ค. 62 ) มีจำนวน 71,485 ราย ลดลง 624 ราย เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 72,109 ราย ลดลง 1% มีมูลค่าทุน จดทะเบียน 327,464 ล้านบาท ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 6,436 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 4,170 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 2,113 ราย คิดเป็น 3%

ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการประจำปี 2562 (เดือน ม.ค. – ธ.ค. 62) มีจำนวน 22,129 ราย เพิ่มขึ้น 354 ราย เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 21,775 ราย คิดเป็น 2% มูลค่าทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 112,097 ล้านบาท ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 2,052 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,311 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 574 ราย คิดเป็น 3 %

ปัจจุบัน ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 62 ทั่วประเทศ จำนวน746,298 ราย มูลค่าทุน 18.37 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 183,953 ราย คิดเป็น 24.65% บริษัทจำกัด จำนวน 561,087 ราย คิดเป็น 75.18% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,258 ราย คิดเป็น 0.17 % อย่างไรก็ดีถือ การจดทะเบียนลดลง 1% น้อยมาก เพราะช่วงปลายปีเป็นช่วงที่ตดทะเบียนน้อยเป็นปกติ ประกอบกับเศรษฐกิจ แต่ว่าการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ยังอยู่ในเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเชื่อว่าต้นปีจะเพิ่มขึ้น

แนวโน้มการจัดตั้งธุรกิจ 2563 เมื่อพิจารณาอัตราการเติบโตของการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจย้อนหลัง (2559-2562) พบว่ามีค่าเฉลี่ย 3.52% รวมทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยประมาณจำนวนการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในปี 2563 ที่ 71,000 – 73,000 ราย แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ ตลอดทั้งปีด้วยไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของจำนวนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในปี 2563

นางโสรดา กล่าวอีกว่า การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว เดือนธันวาคม 2562 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 47 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจจำนวน 24 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจจำนวน 23 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,512 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 10 ราย เงินลงทุน 252 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 8 ราย เงินลงทุน 173 ล้านบาท และเนเธอร์แลนด์ 4 ราย เงินลงทุน 139 ล้านบาท

ทั้งปี 2562 (เดือนมกราคม – ธันวาคม 2562) คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 608 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 192,341 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรากฏว่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 72,247 ล้านบาท ประมาณ 60% เนื่องจากใน ปี 62 มีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ บริการขุดเจาะปิโตรเลียม บริการออกแบบทางวิศวกรรมและบริหารจัดการโครงการรื้อถอนแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในทะเล บริการออกแบบติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบ และบริหารจัดการโครงการประตูกั้นชานชาลาแบบครึ่งความสูง บริการออกแบบ ติดตั้ง ให้คำปรึกษาแนะนำทางด้านวิศวกรรม และการปรับปรุงระบบจัดเก็บค่าโดยสารในโครงการรถไฟฟ้า เป็นต้น