ยอดขายหุ่นยนต์อุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ทำลายสถิติต่อเนื่องปีที่ 8

อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 2562
  • Share :
  • 754 Reads   

รายงานจาก International Federation of Robotics (IFR) เผย ยอดขายหุ่นยนต์อุตสาหกรรมในสหรัฐทำลายสถิติต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 โดยมีอัตราส่วนหุ่นยนต์ต่อแรงงาน อยู่ที่ หุ่นยนต์ 200 เครื่อง ต่อแรงงาน 10,000 คน สูงกว่าจีนราว 2 เท่า ในขณะที่ครองอันดับ 7 ในระดับโลก

อุตสาหกรรมยานยนต์

อุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐฯ นั้นใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน และเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อตลาดหุ่นยนต์ของสหรัฐฯ มากที่สุด โดยมียอดสั่งซื้อสูงเป็นอันดับที่ 1 อีกทั้งยังมีส่วนแบ่งในตลาดหุ่นยนต์มากเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองลงมาจากจีน ซึ่ง 2 ใน 3 ของผู้ซื้อหุ่นยนต์อุตสาหกรรม มาจากผู้ผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐฯ และมีจำนวนหุ่นยนต์มากขึ้นถึง 9% ในปี 2018 อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตยานยนต์แบบ OEM มีการลงทุนหุ่นยนต์อุตสาหกรรมลดลงถึง 26% ในปีเดียวกัน นอกจากนี้ หากมองในภาพรวม พบว่าในช่วง 2 ปีให้หลังนับจากปี 2016 ที่เป็นจุดพีค ยอดขายหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐได้ลดลงเฉลี่ยปีละ 5%

อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมหุ่นยนต์เป็นอันดับที่ 2 และคิดเป็น 18% ของยอดสั่งซื้อในปี 2018 อีกทั้งยังมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% อย่างต่อเนื่องนับมาตั้งแต่ปี 2013

โดยใน 2 อุตสาหกรรมนี้ มีปริมาณการติดตั้งหุ่นยนต์อยู่ที่ 6,700 เครื่องในปี 2018 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2% ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน, ชิป, และเซนเซอร์ ซึ่งมีการเติบโตเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีให้หลัง และคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีถัด ๆ ไป

นอกจากยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ยังมีอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีปริมาณการใช้งานหุ่นยนต์เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น คือ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมพลาสติก และอุตสาหกรรมเคมี

Mr. Junji Tsuda ประธาน IRF ชี้แจงว่า “ประเทศในภูมิภาคอเมริกาเหนือ เป็นกลุ่มประเทศที่มีปริมาณหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ใช้งานได้มากเป็นอันดับที่ 2 ในโลก รองจากประเทศจีน และเป็นกลุ่มประเทศที่มี System Integrator คุณภาพสูงอยู่หลายราย อย่างไรก็ตาม หากมองในด้านผู้ผลิตหุ่นยนต์แล้ว กลุ่มประเทศอเมริกาเหนือ ยังเป็นรองญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และยุโรปอยู่มาก”