8 ค่ายรถยนต์นั่งญี่ปุ่น เผยตัวเลขยอดผลิต จำหน่าย และส่งออกยานยนต์ประจำปีงบประมาณ 2018 เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา โดยทั้ง 8 ค่าย มียอดผลิตทั่วโลกรวมแล้วอยู่ที่ 28,731,705 คัน เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2017 0.1% และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 โดยมียอดผลิตเพิ่มขึ้นใน 5 บริษัท และยอดลดลงใน 3 บริษัท คือ Nissan, Mazda, และ Subaru โดยยอดผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้ เป็นผลจากความต้องการยานยนต์ใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจีน อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า สถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา และสงครามการค้าในจีน จะส่งผลกระทบต่อยอดผลิต และยอดขายในปีงบประมาณ 2019 ถัดไป

โดยยอดผลิตเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น สูงขึ้นทั้งหมด 6 ค่าย ยกเว้น Nissan และ Subaru โดยมีบริษัทที่ยอดผลิตเพิ่มขึ้น 2 หลักคือ Honda และ Mitsubishi Motors ในขณะที่ Toyota พลิกกลับมาทำยอดได้ดีในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณด้วยยอดขาย Corolla รุ่นใหม่ใยตลาดอเมริกาเหนือ จนสามารถปิดยอดผลิตได้ที่ 3,212,906 คัน เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อน 0.4% และเพิ่มต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในขณะเดียวกัน Subaru มียอดผลิตในญี่ปุ่นเพียง 616,987 คัน ลดลงจากปีงบประมาณก่อน 12.0% ซึ่งเป็นผลจากปัญหาการตรวจสอบสภาพรถ และปัญหาชิ้นส่วนคุณภาพไม่ได้ตามมาตรฐาน

ส่วนยอดผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นนั้น มีมากขึ้นใน 4 บริษัท โดย Suzuki สามารถทำยอดผลิตได้ 2,383,319 คันเพิ่มขึ้น 0.7% จากก่อตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ในเมียนมาร์ ส่วน Daihatsu ทำยอดได้ดีเป็นพิเศษจากโรงงานในอินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยมียอดผลิตเพิ่มขึ้นถึง 35.3%

Nissan ประสบปัญหากับสถานการณ์ยอดขายรถซีดานในสหรัฐ ส่งผลให้ยอดผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ 4,460,107 คัน ลดลงจากปีงบประมาณก่อน 5.4% ส่วน Honda มียอดผลิตที่ลดลงในภูมิภาคอเมริกา โดยผลิตได้ 4,425,784 คัน ลดลงจากปีงบประมาณก่อน 0.7% เนื่องจากวิกฤตน้ำท่วมหนักเม็กซิโก ซึ่งโรงงานที่เม็กซิโกได้รับผลกระทบโดยตรง