JLL เป็นที่ปรึกษาการขายโรงแรมที่มีมูลค่าสูงสุดในประเทศไทย

JLL เป็นที่ปรึกษาการขายโรงแรมที่มีมูลค่าสูงสุดในประเทศไทย

อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 2567
  • Share :
  • 750 Reads   

ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เข้าทำสัญญาซื้อขายที่ 5 พันล้านบาท นับเป็นดีลการซื้อขายโรงแรมรายการใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศไทย หนึ่งในตลาดโรงแรมที่มีความน่าดึงดูดใจมากที่สุดในโลก

กรุงเทพฯ 11 พฤศจิกายน 2567 – กลุ่มธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของ JLL ประกาศความสำเร็จในการขายโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ซึ่งจะเป็นการซื้อขายสินทรัพย์เดี่ยวประเภทโรงแรมที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในประเทศไทย โดย JLL เป็นตัวแทนให้กับ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ในการเข้าทำรายการดังกล่าวด้วยมูลค่า 5 พันล้านบาท

นายนิฮาท เออร์แคน ประธานกรรมการบริหารภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กลุ่มธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของ JLL กล่าวว่า “ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยมีสถานภาพที่โดดเด่นขี้นเรื่อยๆ ในการเป็นหนึ่งในจุดหมายการลงทุนที่น่าจับตามองมากที่สุดในโลก และยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ เราภูมิใจที่สามารถช่วยลูกค้าของเราปิดการขายครั้งสำคัญนี้ได้สำเร็จ อีกทั้งยังมีความมั่นใจอย่างมากในสถานะที่แข็งแกร่งขึ้นของประเทศไทยในการเป็นหนึ่งในตลาดการลงทุนด้านโรงแรมที่สามารถดึงดูดเงินลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อมองในภาพรวมแล้ว จะเห็นได้ว่า การขายโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิทครั้งนี้ เป็นการเพิ่มเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาในภาคธุรกิจโรงแรมของไทยอย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา JLL สามารถนำเงินทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาในธุรกิจท่องเที่ยว และเราคาดว่านี่คือแนวโน้มที่ดีต่อไปในอนาคต”

การซื้อขายในครั้งนี้นับเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากในตลาดโรงแรมระดับห้าดาวของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีเจ้าของจำนวนน้อยมากที่มีความประสงค์ที่จะขาย โดย JLL พบว่า โรงแรมซึ่งตั้งอยู่บนทำเลชั้นดี บนถนนใหญ่ ใจกลางศูนย์กลางธุรกิจ เช่น ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท แทบจะไม่มีการเสนอขาย และมีการตั้งราคาที่สูงมากเนื่องจากความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวและเพื่อลงทุนในเชิงกลยุทธ์

นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธยา หัวหน้าหน่วยธุรกิจการขายโรงแรมภาคพื้นอินโดจีน และรองกรรมการผู้จัดการภาคพื้นเอเชีย กลุ่มธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของ JLL กล่าวว่า “การขายโรงแรมครั้งประวัติศาสตร์นี้ ตอกย้ำความเป็นผู้นำของ JLL ในการเป็นตัวแทนขายให้กับโรงแรมสำคัญๆ ในประเทศไทย โดยในปี 2567 JLL ปิดการขายโรงแรมที่สำคัญในประเทศไทยไปแล้วหลายรายการ ได้แก่ เดอะ ละไม สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา, โรงแรมฮิลตัน การ์เด้น อินน์ ภูเก็ต บางเทา, พอร์ทโฟลิโอเซอร์อพาร์ทเม้นท์ 5 อาคาร ซึ่งมีห้องพักรวมกว่า 1,800 ห้อง และครั้งนี้ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท นอกจากนี้ JLL ยังคงเชื่อมั่นในการลงทุนโรงแรมในประเทศไทย และคาดว่าจะเห็นการซื้อขายโรงแรมในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเกาะสมุย เพิ่มเติมภายในสิ้นปีนี้”

นายปวินท์ เลิศปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชีย กลุ่มธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของ JLL กล่าวว่า  “โรงแรมห้าดาวระดับ ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เป็นที่ต้องการสูงมากในหมู่นักลงทุน แต่ไม่ได้มีออกมานำเสนอบ่อยนัก การซื้อขายครั้งนี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ธุรกรรมนี้ยังเป็นการสร้างแรงกระตุ้นที่สำคัญให้กับตลาดการลงทุนซื้อขายโรงแรมของไทยที่มีความร้อนแรงอยู่ก่อนแล้ว โดยเราคาดว่า การลงทุนซื้อขายโรงแรมของไทยในปีนี้จะมีมูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 300% จากปี 2566”

เกี่ยวกับ เจแอลแอล (JLL)
ตลอดกว่า 200 ปีที่ผ่านมา เจแอลแอล (JLL) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในด้านการซื้อ ขาย เช่า สร้าง บริหารจัดการ และลงทุนสำหรับอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น สำนักงาน โรงงาน โกดัง โรงแรม ที่อยู่อาศัย หรือศูนย์การค้า เจแอลแอล ได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูนให้อยู่ในกลุ่มบริษัทชั้นนำ 500 บริษัท โดยในปีที่ผ่านมามีรายได้ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 28,000 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก พนักงานของเราทั่วโลกรวมกว่า 110,000 คน ผสมผสานแพลตฟอร์มการให้บริการระดับโลกของบริษัทเข้ากับความเชี่ยวชำนาญของทีมงานในระดับประเทศ เราเป็นองค์กรที่ถูกขับเคลื่อนด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการกำหนดอนาคตอสังหาริมทรัพย์เพื่อโลกที่ดีกว่า เราช่วยให้ลูกค้า พนักงาน และชุมชนของเราพบกับวิถีใหม่ที่สดใสกว่าที่เคย (SEE A BRIGHTER WAYSM) เจแอลแอล เป็นชื่อแบรนด์และเครื่องหมายการค้าของ Jones Lang LaSalle Incorporated ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ jll.co.th