ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยไตรมาสที่ 3/2567
รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยไตรมาสที่ 3/2567 และแนวโน้มไตรมาสที่ 4/2567 เผยแพร่โดย กองนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ระบุภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) มีค่าอยู่ที่ 94.74 ลดลงร้อยละ 1.23 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 8 และเป็นการลดลงจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 30-60 เป็นหลัก
อุตสาหกรรมสำคัญที่ชะลอตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 อาทิ ยานยนต์ จากสินค้ารถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก และรถยนต์ไฮบริดขนาดมากกว่า 1,800 ซีซี เป็นหลัก จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงอ่อนแอจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และสถาบันการเงินเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ รวมทั้งความต้องการของประเทศคู่ค้าชะลอตัว
ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตลดลงจากสินค้า IC และ PCBA ส่วนหนึ่งเป็นผลจากตลาดโลกมีความต้องการสินค้าลดลงโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
การผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีต ปูนซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ ตามการชะลอตัวของภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือนสถาบันการเงินปฏิเสธการให้สินเชื่อเพิ่มมากขึ้น และราคาที่อยู่อาศัยและวัสดุก่อสร้างปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้
อุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม เนื่องจากในช่วงเดียวกันของปีก่อนโรงกลั่นบางแห่งหยุดซ่อมบำรุงซึ่งในปีนี้สามารถกลับมาทำการกลั่นได้ตามปกติ โดยการผลิตเพิ่มขึ้นจากน้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเบนซิน และก๊าซหุงต้ม เป็นหลัก
สัตว์น้ำบรรจุกระป๋อง จากสินค้าปลาทูน่ากระป๋อง เป็นหลัก ซึ่งเป็นตามปริมาณวัตถุดิบทูน่าที่มีมาก ตลอดจนราคาปรับตัวลดลงส่งผลให้มีความต้องการจากประเทศคู่ค้ามากขึ้น
เครื่องจักรอื่น ๆ ที่ใช้งานทั่วไป ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เป็นหลัก ตามความต้องการที่มีมากขึ้นจากสภาพอากาศทั่วโลกที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อ GDP ในไตรมาส 3 ของปี 2567 ได้แก่
- การผลิตภาคเกษตร ขยายตัวร้อยละ 0.5
- ภาคบริการ ขยายตัวร้อยละ 4.1
- การใช้จ่ายอุปโภคและบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 3.4
- การลงทุนรวม ขยายตัวร้อยละ 5.2
- การผลิตภาคอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 0.1
- การส่งออกสินค้าและบริการ ขยายตัวร้อยละ 0.7
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 3.0 0 โดยขยายตัวเร่งขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งขยายตัวร้อยละ 2.2 และขยายตัวเร่งขึ้นเมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปีก่อน (2566) ขยายตัวร้อยละ 1.4
GDP ภาคอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 หดตัวร้อยละ 0.1 ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาที่ขยายตัวร้อยละ 0.3 แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (2566) ที่หดตัวร้อยละ 4.4
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่สำคัญ
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 94.85 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (94.76) ร้อยละ 0.09 และลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 (95.92) ร้อยละ 1.1
อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การผลิตผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ และการผลิตอาหารสัตว์สำเร็จรูป เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การผลิตชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีต
ปูนซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ เป็นต้น
ดัชนีการส่งสินค้า
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ดัชนีการส่งสินค้าอยู่ที่ระดับ 97.33 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (97.30) ร้อยละ 0.03 และลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 (97.94) ร้อยละ 0.6
อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีการส่งสินค้าเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ การผลิตผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ การผลิตสัตว์น้ำบรรจุกระป๋อง และการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ในทางการแพทย์และ
ทางทันตกรรม เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีการส่งสินค้าลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีต ปูนซีเมนต์และปูนปลาสเตอร์ และ การผลิตน้ำตาล เป็นต้น
ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลัง
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังอยู่ที่ระดับ 102.41 ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา (103.62) ร้อยละ 1.2 และลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 (103.54) ร้อยละ 1.1
อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ การผลิตน้ำตาล การผลิตสตาร์ช และผลิตภัณฑ์จากสตาร์ช และการต้ม การกลั่น และการผสมสุรา เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ดัชนีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม และการแปรรูปและการถนอมผลไม้และผัก เป็นต้น
อัตราการใช้กำลังการผลิต
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 อัตราการใช้กำลังการผลิต อยู่ที่ระดับร้อยละ 58.32 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (ร้อยละ 57.75) และลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 (ร้อยละ 58.35)
อุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การผลิตผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ และการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ การผลิตจักรยานยนต์ และการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน เป็นต้น
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมมีค่า 88.03 ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา (88.67) และลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 (91.20) ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์
ล่วงหน้า 3 เดือน อยู่ที่ระดับ 95.27 ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 (99.00)
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับตัวลดลงของความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 มาจากปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศ เข่น ค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังประสบกับปัญหาต้นทุนการผลิตสูง จากค่าไฟฟ้า ค่าวัตถุดิบที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวดีจากมาตรการฟรีวีซ่า (Free Visa) ให้กับนักท่องเที่ยวจีน อินเดียและไต้หวัน ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นและโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่เริ่มจ่ายให้กลุ่มเปราะบาง เฟสแรก จำนวน 14.5 ล้านคนในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน 2567
#อุตสาหกรรมไทย #สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม #MPI Index #ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม #MPI #ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย 2567
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ 2566
- คาร์บอนเครดิต คือ
- อบรมรถยนต์ไฟฟ้า 2567
- Apple ครองตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมียมในปี 2023
- การเปลี่ยนแปลงของเครือข่ายไร้สาย 5G
- ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 2566
- สถิติส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไทยปี 2566
- เทคโนโลยีในงานโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง
- กฎหมาย ปล่องระบาย อากาศ
- solid state battery คือ
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH