หอการค้าไทยคัดค้านร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานใหม่ หวั่นกระทบ SMEs และการแข่งขันประเทศ

หอการค้าไทย คัดค้านร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ชี้ต้องรับฟังความเห็นนายจ้างอย่างรอบด้าน

อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 2568
  • Share :

สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์คัดค้านร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ชี้ขาดการรับฟังความคิดเห็นจากภาคนายจ้าง อาจเพิ่มภาระต้นทุนให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs และกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พร้อมเสนอให้ภาครัฐประเมินผลกระทบอย่างรอบด้านก่อนดำเนินการ

กรุงเทพฯ, 21 ตุลาคม 2568 – ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่ สภาผู้แทนราษฎร ได้เห็นชอบรับหลักการ ร่าง พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ทั้ง 2 ฉบับ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ที่ผ่านมาหอการค้าไทยได้รับข้อร้องเรียนและความกังวลจากสมาชิกทั่วประเทศ ทั้งจากหอการค้าจังหวัด 5 ภูมิภาค หอการค้าต่างประเทศ และสมาคมการค้ามากกว่า 20 สมาคม ที่ไม่เห็นด้วยและคัดค้านกับร่างกฎหมายดังกล่าว

ดร.พจน์ กล่าวว่า สภาหอหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร) ได้ทำหนังสือคัดค้านร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ประธานรัฐสภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวมีหลายมาตราที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม เพิ่มภาระต้นทุนการจ้างงานให้กับนายจ้างในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน อีกทั้งยังขาดการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนและสมาคมนายจ้างอย่างรอบด้าน

“สภาหอการค้าฯ เห็นว่า การจัดทำกฎหมายแรงงานควรรับฟังความเห็นทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างอย่างเป็นธรรม เพื่อไม่ให้กระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน บรรยากาศการลงทุน และเศรษฐกิจไทยในภาพรวม” ดร.พจน์ กล่าว

ดร.พจน์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาคเอกชนเรายืนยันที่จะสนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานตามหลักสากลหรือองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ทั้งในด้านชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสม สิทธิการลา และการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การปรับลดชั่วโมงการทำงานจาก 48 ชั่วโมง เหลือ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมถึงการเพิ่มวันหยุดและสิทธิการลาอื่น ๆ ตามร่างกฎหมายใหม่ อาจส่งผลให้ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยการผลิตเพิ่มขึ้นทันที โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs โดยตรงที่กำลังเผชิญต้นทุนที่สูงและสภาพคล่องจำกัด อาจนำไปสู่การปิดกิจการและการเลิกจ้างแรงงาน

ทั้งนี้ การปรับลดชั่วโมงการทำงานยังอาจกระทบต่อรายได้รวมของแรงงานในบางกลุ่ม จึงควรใช้กลไกแรงงานสัมพันธ์ภายในองค์กรในการกำหนดแนวทางที่เหมาะสม พร้อมทั้งควรมีการประเมินผลกระทบเชิงปริมาณและจัดทำมาตรการรองรับอย่างรอบคอบ เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจไทยยังไม่พร้อมต่อการปรับเปลี่ยนดังกล่าว โดยหลายอุตสาหกรรมยังคงพึ่งพาแรงงานคนเป็นหลัก และมีข้อจำกัดด้านเงินลงทุนในการปรับใช้เทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ 

สุดท้ายนี้ ขอย้ำให้เห็นว่า กระบวนการจัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก (กฎหมายมหาชน) ควรเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 ที่กำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน ซึ่งในกรณีนี้ยังขาดข้อมูลที่เพียงพอและอาจส่งผลต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องโดยตรง ดังนั้น สภาหอการค้าฯ จึงขอคัดค้านร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ทั้ง 2 ฉบับ ที่ไม่สอดรับกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง และขาดการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน

 

#สภาหอการค้าไทย #แรงงาน #กฎหมายแรงงาน #SMEs #ต้นทุนแรงงาน #เศรษฐกิจไทย #LabourLaw #ธุรกิจไทย #หอการค้าไทย #MReportTH #IndustryNews

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH