อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย 2566 ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ สถาบันยานยนต์

ศูนย์วิจัยอุตฯ ยานยนต์สมัยใหม่ ส่งสัญญาณอุตฯ ยานยนต์อยู่ในภาวะปกติ ถึงเดือน ก.ค. 66

อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 2566
  • Share :
  • 937 Reads   

ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ สถาบันยานยนต์ ส่งสัญญาณเฝ้าระวังการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ อยู่ในภาวะปกติ ตั้งแต่เดือนมีนาคม - กรกฎาคม 2566 ตามระบบสัญญาณเตือนภัยภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive Early Warning System) ซึ่งประมวลผลจากข้อมูลในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

จากรายงานสถิติอุตสาหกรรมยานยนต์ประจำเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งมีปริมาณการผลิตรถยนต์รวม 179,848 คัน เพิ่มขึ้น 4.16% (YoY) เนื่องจากได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น จึงผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น 26.34% และผลิตเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้น 31.59% จากเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ทั้งนี้ รวม 3 เดือนแรกของปี (มกราคม - มีนาคม 2566) ผลิตแล้ว 507,787 คัน เพิ่มขึ้น 5.77% (YoY)

โดยอุปสงค์ต่างประเทศ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจยุโรป และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลีย ส่งสัญญาณปกติ ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจปรับตัวสูงขึ้น การฟื้นตัวได้รับแรงหนุนจากการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอเมริกา ส่งสัญญาณเตือนภัยจากการใช้นโยบายการเงินที่ยังต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติทางการเงิน

ด้านอุปสงค์ในประเทศ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจไทยส่งสัญญาณปกติ จากความเชื่อมั่นในภาคการผลิตปรับดีขึ้นในเกือบทุกธุรกิจ จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ด้านดัชนีราคาสินค้าเกษตร ส่งสัญญาณปกติ สินค้าที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน เนื่องจากมีความต้องการใช้ภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น ทั้งด้านการบริโภคและด้านพลังงาน ประกอบกับการส่งออกมีคำสั่งซื้อจากคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่อุปทาน มูลค่าการนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ในเดือนมีนาคมส่งสัญญาณปกติต่อเนื่องจากการนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ประเภท ยางล้อ และเครื่องยนต์ที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น

 

#อุตสาหกรรมยานยนต์ #ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ #สถาบันยานยนต์ #ผู้ผลิตรถยนต์ #ยอดผลิตรถยนต์ #ชิ้นส่วนยานยนต์ #ดัชนีความเชื่อมั่นของต่างชาติ #ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจไทย #ภาวะเงินเฟ้อ 

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH