สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในไทย, Shell, Porsche, EV Charging Station

ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก จับมือ เชลล์ เปิดตัวสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 180 กิโลวัตต์ รองรับระยะทางไกลสุดใน SEA

อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 2565
  • Share :
  • 2,267 Reads   

ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก (Porsche Asia Pacific) ผสานความร่วมมือกับเชลล์ (Shell) เปิดตัวสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูง 180 กิโลวัตต์ในประเทศไทย รองรับเส้นทางปลอดมลภาวะระยะทางไกลที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อมต่อการเดินทางกว่า 2,200 กิโลเมตรสู่การขับเคลื่อนอนาคตด้วยระบบพลังงานไฟฟ้า พร้อมเปิดให้บริการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023 ทำให้การเดินทางที่ไร้ซึ่งมลพิษจากประเทศสิงคโปร์ จนถึงเชียงใหม่ภาคเหนือของไทย กำลังจะกลายเป็นจริงในไม่ช้า

วันที่ 22 กันยายน 2565 ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก (Porsche Asia Pacific) และ เชลล์ (Shell) ประกาศเปิดตัว Shell High Performance Charging (HPC) สถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูงแห่งแรก ณ สถานีบริการน้ำมันรูปแบบใหม่ ‘Site of the Future’ ต้นแบบสถานีบริการน้ำมันมาตรฐานระดับโลกแห่งแรกในไทยย่านนนทบุรี สำหรับการมาถึงของสถานี HPC เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการเริ่มต้นโครงการ ก่อสร้างสถานีชาร์จพลังงาน 180 กิโลวัตต์ และ 360 กิโลวัตต์ direct-current (DC) ของ Shell รวมทั้งสิ้นอีก 11 แห่งทั่วประเทศไทย ถือเป็นการขับเคลื่อนการเดินทางสำหรับอนาคตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เกิดเส้นทางสัญจรที่ปราศจากมลภาวะมุ่งสู่การเดินทางที่ยั่งยืน

เมื่อโครงสร้างเครือข่ายเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 สถานี HPC ในประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมต่อเพื่อขยายเครือข่ายสถานี HPC ของ Shell ตลอดทั่วทั้งภูมิภาค โดยจะดำเนินงานร่วมกับสถานีอีก 6 แห่งในประเทศมาเลเซีย และ 3 แห่งในสิงคโปร์ เป้าหมายเพื่อความยั่งยืนที่ตรงกัน พร้อมเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเดินทางด้วยระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า จุดเริ่มต้นของการกำเนิดเส้นทางปราศจากมลภาวะ ระยะทางมากกว่า 2,200 กิโลเมตร ระหว่างเขตแดน 3 ประเทศในเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 800,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นผสานความร่วมมือพันมิตรกันระหว่าง 2 บริษัทระดับโลกอย่างปอร์เช่ เอเชียแปซิฟิก (Porsche Asia Pacific) และ เชลล์ (Shell)  มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเดินทางสำหรับอนาคตให้เป็นเส้นทางปลอดมลภาวะที่มีระยะทางไกลที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสามารถเดินทางสัญจรได้โดยไร้ข้อจำกัด

Dr. Henrik Dreier (ดร. เฮนริค ไดรเยอร์) ผู้อำนวยการ New Business Fields ของ Porsche Asia Pacific กล่าวว่า “ปอร์เช่ เรายังคงรักษาคำสัญญาในด้านการขับเคลื่อนอนาคตของการคมนาคมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เฉกเช่นเดียวกับการยืนยันเจตนารมณ์อย่างต่อเนื่องเรื่องการลดสารประกอบคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2030 ตามความมุ่งมั่นของเรา และความไว้วางใจที่เรามีต่อ Shell ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจนั้น กำลังนำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทางใหม่ ด้วยการเปิดตัวสถานีชาร์จสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูง Shell High Performance Charging ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งมาพร้อมสิทธิพิเศษมากมายสำหรับเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) รวมทั้งเครือข่ายการบริการที่มีระยะทางมากกว่า 2,200 กิโลเมตร เราคาดหวังถึงผลประโยชน์สูงสุดที่ผู้ใช้เส้นทางจะได้รับจากการสัญจรทางไกล ตลอดจนการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นอีกแรงสนับสนุนส่งเสริมให้ผู้ใช้รถยนต์หันมาเลือกใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น”

Amr Adel (อาเมอร์ อเดล) รองประธานกรรมการอาวุโสของ Shell Mobility Asia อธิบายต่อว่า  “ผู้ใช้รถ EV ต่างคาดหวังถึงประสบการณ์ด้านการชาร์จพลังงานที่รวดเร็ว และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงวิธีในการลดมลภาวะที่เกิดจากการขับขี่ยานพาหนะของพวกเขา เมื่อพรมแดนของประเทศต่าง ๆ ในโลกเปิดกว้าง ผู้ใช้รถยนต์จึงเฝ้าค้นหาสถานีชาร์จพลังงานที่สามารถเชื่อถือได้ โดยเฉพาะการเดินทางสัญจรระยะยาวข้ามประเทศ ด้วยเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูง HPC สถานีแห่งแรกของเราในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ Shell (เชลล์) คือผู้ให้บริการเครือข่ายการบริการสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้ารูปแบบระหว่างประเทศที่แรกในภูมิภาค นี่คือบริการของ Shell Recharge EV network การเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ เป็นการประกาศผนึกกำลังและความสำเร็จระหว่างปอร์เช่ และเชลล์ เพื่อขยายการพัฒนาสถานีชาร์จไฟฟ้าสมรรถนะสูง ระหว่างสิงคโปร์ มาเลเซียและเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อตอบรับความต้องการและความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่รถพลังงานไฟฟ้า ทางเชลล์มีความตั้งใจเป็นอย่างสูงในการรับบทบาทสำคัญสำหรับช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อพลังงานขับเคลื่อนแบบไร้คาร์บอน โดยการร่วมมือกับเหล่าพันธมิตรและกลุ่มลูกค้า”

ด้วยความร่วมมือดังกล่าว สถานีบริการ Shell จำนวน 11 แห่งในประเทศไทย จะได้รับการติดตั้งจุดชาร์จพลังงานไฟฟ้า DC chargers ขนาด 180 กิโลวัตต์ และ 360 กิโลวัตต์ สำหรับรองรับระบบการชาร์จประสิทธิภาพสูงในประเทศไทย ให้ผู้ขับขี่สามารถเดินทางที่ไร้ซึ่งมลพิษจากจังหวัดสงขลาในเขตภาคใต้ จนถึงจังหวัดเชียงใหม่ในเขตภาคเหนือ เมื่อใช้งานระบบชาร์จขนาด 180 กิโลวัตต์ ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) สามารถชาร์จพลังงานจาก 0% State of Charge (SoC) ถึงระดับ 80% ภายในเวลาประมาณ 30 นาที เดินทางได้สูงสุดถึง 390 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP) ในส่วนของการใช้งานระบบชาร์จขนาด 270 กิโลวัตต์ อันเป็นกำลังสูงสุดที่ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) สามารถรองรับได้นั้น จะใช้เวลาลดลงเหลือเพียง 22 นาทีเท่านั้น

นอกจากการส่งเสริมให้เกิดพลังงานสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากเส้นทางการจราจรที่มีระยะทางไกลกว่า 2,200 กิโลเมตรให้เป็นเส้นทางที่ปราศจากมลภาวะ โดยเริ่มตั้งแต่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย จนมาถึงประเทศไทย ยังเสริมความร่วมมือทางธุรกิจด้านการดูแลลูกค้าส่งมอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษสำหรับเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) อีกด้วย โดยเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) ที่เป็นลูกค้ารายใหม่ในประเทศไทย จะได้รับสิทธิพิเศษสำหรับสถานะสมาชิกระดับ Platinum โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตลอด 3 ปี ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวลูกค้าสามารถเพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดอัตราค่าบริการ Pay-Per-Use (PPU) 50% หรือการสำรองจุดชาร์จล่วงหน้าได้ระยะเวลาสูงสุด 1 ชั่วโมงก่อนเดินทางมายังสถานี Shell HPC ทุกแห่งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และรับคะแนนสะสม Shell GO+ จำนวน 10,000 คะแนน สำหรับแลกรับส่วนลดผลิตภัณฑ์ ตลอดจนบริการต่าง ๆ ของ Shell  

ผู้ใช้งานแอพพลิเคชัน Sharge และ ParkEasy ในประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย จะได้รับประสบการณ์และความสะดวกสบาย ผ่านเทคโนโลยีของแอพพลิเคชันทั้ง 2 ที่ช่วยสนับสนุนการเข้าถึงเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูง Shell HPC และสถานีชาร์จ Porsche Destination Charging ในทั้ง 2 ประเทศได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยผู้ใช้รถพลังงานไฟฟ้าในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศไทย สามารถเข้ารับบริการในเครือข่ายสถานี Shell HPC ด้วยอัตราค่าใช้จ่าย Pay-Per-Use (PPU) หรือเลือกสมัครสมาชิกเพื่อรับสิทธิพิเศษได้

สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในไทย, Shell, Porsche, EV Charging Station

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH