347-ซัมมิทออโต้-ขยายโรงงาน-ลงทุนเครื่องจักร

“ซัมมิทออโต้” เจียด 800 ล้าน ขยายโรงงานรับค่ายรถคลอด “9โมเดล”

อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 2563
  • Share :
  • 805 Reads   

ซัมมิท โอโตฯ ลั่นเดินหน้าลงทุนตามแผนปีนี้เทเพิ่ม 800 ล้าน ซื้อเครื่องจักร-ขยายโรงงานรับออร์เดอร์ค่ายรถ 9 โมเดลใหม่ ยอมรับโควิด-19 ต้องปรับกระบวนทัพใหม่ แย้มเตรียมหั่นเป้ารายได้ลง 30-50%

นายกรกฤช จุฬางกูร ประธานบริหาร บริษัท ซัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันแม้ว่าการแพร่ระบาดไวรัสโควิดจะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับซัมมิทฯจะยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนงานที่ได้วางไว้ โดยปีนี้มีแผนลงทุนเพิ่มอีก 810 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ลงทุนไป 739 ล้านบาท ขยายโรงงานพร้อมทั้งจัดซื้อเครื่องจักรใหม่ โดยเฉพาะการจัดซื้อเพื่อรองรับกับการขยายไลน์รองรับรถยนต์รุ่นใหม่ 9 รุ่น แม้ว่าบางยี่ห้อจะชะลอแผนไปบ้างแล้วก็ตาม

“เท่าที่ทราบมีเพียงรถยนต์ 1-2 รุ่นเท่านั้นที่อาจจะยืดแผนงานคลอดรถใหม่ออกไปเล็กน้อย นอกนั้นครึ่งปีหลังนี้ได้เห็นแน่”

ขณะนี้บริษัทได้มีการประชุมทีมผู้บริหารเพื่ออัพเดตสถานการณ์กันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น ลูกค้าซึ่งเป็นค่ายรถยนต์ต่างคาดการณ์ล่วงหน้าเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ทำให้บริษัทต้องปรับ และวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงการใช้งบประมาณให้สอดรับส่วนรายได้ปีนี้ตามเป้า 8,800 ล้านบาทปัจจุบันคาดการณ์ว่าน่าจะต้องปรับลดลง 50%

นายกรกฤชยอมรับว่า ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นการปรับลดเป้าหมายมากที่สุดเท่าที่เคยมีของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่จากปกติแล้วอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% ต่อปี ยกเว้นในช่วง 5 ปีหลังที่เพิ่มขึ้นเพียง 2-3% ต่อปี

“ย้อนกลับไปหลังช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้ตลาดส่งออกเข้ามาช่วย แต่วันนี้สถานการณ์แตกต่าง เราหวังว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะไม่กลับมาอีก อย่างที่บอกว่าลูกค้าเราคาดการณ์แค่ 3 เดือน”

ทั้งนี้คาดว่าความต้องการของตลาดที่ได้รับผลกระทบจากโควิดและเศรษฐกิจโดยรวม จะค่อย ๆ ดีขึ้น ค่ายรถยนต์ เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค. ค่ายรถยนต์และชิ้นส่วนจะกลับไปใช้แผนงานเดิมที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี

ส่วนโอกาสของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยนั้น นายกรกฤชมองว่า อาจต้องใช้เวลาและปัจจัยหลักคือราคาขาย เพื่อทำให้เกิดดีมานด์

“ตอนนี้ตลาดอีวีมีอยู่แค่เพียงกลุ่มเดียวคือกลุ่มผู้นำเทรนด์ ซึ่งต้องมีที่จอดพิเศษ เป็นกลุ่มคนรักษ์โลก ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มีจำนวนจำกัด”

นายกรกฤชกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยหลักที่จะช่วยทำให้ราคาจำหน่ายของรถยนต์ไฟฟ้า ลดลงมาได้นั้น คือ แบตเตอรี่ แม้ว่าปัจจุบันราคาจะลดลงไปแล้วประมาณ 30% แต่ก็ยังแพง บางประเทศรัฐสนับสนุน แต่สำหรับประเทศไทยยังไม่มี ตรงนี้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควร