“สุพันธ์ มงคลสุธี” จาก SYNNEX สู่ประธาน ส.อ.ท. 3 สมัยคนแรก กับภารกิจพลิกฟื้นอุตสาหกรรมไทย
ด้วยบุคลิกที่มุ่งมั่น เรียบง่ายและชัดเจนในความเป็นตัวตนทั้งด้านความคิดและการทำงานร่วมกับ หลากหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นกับภาครัฐหรือภาคเอกชน ส่งผลให้ชื่อเสียงของ “สุพันธุ์ มงคลสุธี” ยังคงโลดแล่นและมีบทบาทสำคัญบนเส้นทางธุรกิจ สังคมและการเมืองอย่างต่อเนื่อง
ความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว กล้าตัดสินใจ เป็นมือประสานสิบทิศ นักวางกลยุทธ์และนักแก้ปัญหาระดับตัวท็อป ส่งให้ชื่อเสียงของเขามีความโดดเด่นอย่างมากในเรื่องการทำงาน และการบริหารจัดการ ในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่มีความพิเศษสำหรับเขา เพราะเป็นอีกวาระที่เขาได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น จากกลุ่มสมาชิกบริษัทนักธุรกิจชั้นนำของไทยทั้ง 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ที่มีสมาชิกหลากหลายทั่วประเทศมากกว่า 11,000 บริษัท ให้เขาเข้ามารับไม้ต่อในตำแหน่ง “ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)” คนที่ 15 อีกสมัยหนึ่ง ในช่วงปี วาระปี 2563-2565 ถือว่าเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมคนแรก ที่เป็นประธานถึง 3 สมัย
ทั้งนี้ กลุ่มสมาชิกฯ ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันแล้วว่า สนับสนุนให้เขาเป็นประธาน ส.อ.ท. ต่ออีกหนึ่งสมัย เพื่อให้งานทั้งหมดที่วางไว้ได้มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นที่จะทำให้อุตสาหกรรมมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน
“สุพันธุ์” ร่วมทำงานกับ ส.อ.ท. มามากกว่า 20 ปี และที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับองค์กรแห่งนี้ก็คือ เขาเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมคนแรกที่มีอายุน้อยที่สุดนับจากที่มีการก่อตั้ง ส.อ.ท. มาด้วยวัยเพียง 56 ปี ในสมัยแรกของเขา ปี 2557-2559 เขาเองยังเป็นมือประสานสิบทิศเป็นกาวใจประสานความขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงภายใน ส.อ.ท. เขาเดินหน้าจับเข่าคุยกับหลายกลุ่มนักธุรกิจเพื่อเดินหน้าสร้างความปรองดองให้รวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จนสามารถสยบรอยร้าวทุกกลุ่มการเมืองภายในนั้นที่คุกรุ่นอย่างรุนแรงลงได้
“ผมยอมรับว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายใน ส.อ.ท. ที่ผ่านมานั้น ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรที่มีส่วนผลักดันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างมากในช่วงนั้น”
ผลงานที่โดดเด่นของสุพันธุ์นั้น โดดเด่นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะการผลักดันช่วยเหลือ SME ให้เป็นวาระแห่งชาติ และนำเสนอแนวนโยบายต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือรัฐบาลในห้วงเวลาที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนักทั่วโลกในเวลานี้
ขณะเดียวกันเขายังมีบทบาทในการก่อตั้งสถาบันและกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่มีบทบาทและเป็นกลไกขับเคลื่อนภาคธุรกิจและสังคมอีกหลายแห่งใน ส.อ.ท. ให้เกิดขึ้น ภายใต้ความร่วมมือร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของกลุ่มสมาชิก โดยกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น อาทิ สถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร สถาบัน ICTI โดยเฉพาะการสร้างกลุ่มคนรุ่นใหม่ สายงานนักอุตสาหกรรมรุ่นใหม่ (Young FTI) พร้อมทั้งทำหลักสูตร Young FTI จนเป็นที่รู้จักของนักอุตสาหกรรมรุ่นเยาว์
สำหรับการหล่อหลอมตัวตนและแนวคิดของ “สุพันธุ์” นั้น ถ่ายทอดผ่านรุ่นสู่รุ่นในครอบครัวคนจีนแต้จิ๋วจากจีนแผ่นดินใหญ่ หอบเสื่อผืนหมอนใบข้ามน้ำข้ามทะเลมาปักหลักปักฐาน จนสามารถสร้างธุรกิจได้อย่างมั่นคงบนผืนแผ่นดินไทย และเขาไม่ลืมที่จะตอบแทนบุญคุณแผ่นดินแห่งนี้ด้วยการมีส่วนร่วมสำคัญในการเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย
หากย้อนเส้นทางการหล่อหลอมตัวตนของเขา พบว่า สุพันธุ์ คือทายาทหนึ่งเดียวของร้าน “แต้เกียงเซ้ง” ในยุคนั้นธุรกิจของครอบครัวเขาเป็นที่รู้จักแพร่หลายสำหรับลูกค้า โดยเป็นร้านค้าขายส่งเครื่องเขียนในหลายพื้นที่ในประเทศไทย เขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล ที่ต้องช่วยครอบครัวทำธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก ๆ ประสบการณ์และการทำงานที่มีธุรกิจครอบครัวเป็นเดิมพันนั้นคือเบ้าหลอมแนวคิดและวิสัยทัศน์ของเขา
เขามีบทบาทสำคัญในการสานต่อธุรกิจของครอบครัว จนก้าวไปสู่การจัดตั้งบริษัท ที.เค.เอส. (เทคโนโลยี) จำกัด (มหาชน) ที่ผันตัวมาจากขายส่งเครื่องเขียนเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ระบบป้องกันการปลอมแปลงที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย
“สุพันธุ์” มีความสนใจด้านเทคโนโลยีและไอทีอย่างมาก จนทำให้เขากลายเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNNEX ตามชื่อหลักทรัพย์ที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
SYNNEX เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประเภทสินค้าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ระบบสารสนเทศ วัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนจัดจำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกหลากหลายประเภทมากกว่า 60 ตราสินค้าถือว่าเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีรายได้จากการขายและการให้บริการในปี 2562 ที่ผ่านมามากถึง 34,804.31 ล้านบาท ปัจจุบันเขาก้าวถอยจากตำแหน่ง “ซีอีโอ” มาเป็น ”ประธานกรรมการ” โดยให้ทายาทเป็นผู้รับไม้ต่อธุรกิจในเครือทั้งหมด ส่วนเขาจะได้มีเวลาในการทำงานกับบทบาทประธาน ส.อ.ท. ได้อย่างเต็มที่
ในห้วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังประสบปัญหารุนแรงร่วมกันคือ การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 มีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมหนักหนาสาหัส
การจัดทัพสู้ของทีมกรรมการและผู้บริหารชุดใหม่ของ ส.อ.ท. ภายใต้การนำของท่านประธานสุพันธุ์ฯ โดยใช้นโยบาย Service Organization จะประสบความสำเร็จช่วยฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมและสมาชิกได้ขนาดไหน คงต้องติดตามกันต่อไป
อ่านต่อ: