ค่ายรถหวั่นโควิดระบาดรอบ 2 อีโคคาร์ลุ้นฟื้นเร็วหลังครึ่งปีแรกร่วง 40%
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ยังกังวลการผ่อนปรนเพื่อให้ต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย เพราะหากมีอะไรผิดพลาดอาจจะเกิดการแพร่ระบาดระลอก 2 ได้ ซึ่งจะกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ทำให้ตลาดรถยนต์หยุดชะงัก เหมือนที่ระบาดเมื่อช่วงต้นปี
นายวัลลภกล่าวอีกว่า ภาพรวมของตลาดอีโคคาร์ในช่วงครึ่งปีแรก พบว่ามียอดโดยรวมลดลงไปถึง 40% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหรือมียอดขายแค่ 69,819 คันเท่านั้น ผลกระทบโควิดค่อนข้างรุนแรง ส่งผลให้ความต้องการของตลาดรถยนต์โดยรวมลดลง รวมทั้งในกลุ่มอีโคคาร์ แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดรถยนต์น่าจะกลับมามีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่จะยังต้องพิจารณาว่าจะมีปัจจัยบวกอะไรเข้ามาช่วยกระตุ้นให้ตลาดพลิกฟื้น
“ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากมาตรการคลายล็อกของภาครัฐ ทำให้ประชาชนมีอารมณ์จับจ่ายใช้สอยมากขึ้น แต่ก็คงจะทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นได้บ้าง และคงไม่เท่ากับปีที่ผ่านมาที่ทั้งปีอีโคคาร์มียอดขายรวมกันทุกแบรนด์เกือบ 200,000 คัน แต่ถ้าเกิดระบาดรอบ 2 ผู้บริโภคจะหมดความมั่นใจและไม่ใช้จ่าย การเลิกจ้างตกงานอาจจะกลับมาอีก รวมถึงการพิจารณาปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่มีความเข้มงวด”
ช่วงนี้คงต้องทำการบ้านกันหนัก เนื่องจากตลาดประเมินได้ยาก แต่เชื่อว่าหดตัวจากปีที่ผ่านมาแน่นอน แต่กำลังซื้อยังพอมีโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจจะปรับเปลี่ยนจากกระบะมาเป็นครอสโอเวอร์สไตล์มากขึ้น เบื้องต้นคาดว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมน่าจะอยู่ที่มากกว่า 600,000 คัน
“จะเห็นว่ายอดขายอีโคคาร์นั้น เป็นตลาดที่ลดลงไปไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดรถยนต์โดยรวม หรือตลาดอื่น ๆ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายรวมของอีโคคาร์ยังถือว่าดีในสถานการณ์ดังกล่าว ช่วง 3 เดือนจากนี้ไปคงต้องจับตาว่าสถานการณ์น่าจะดี ซึ่งคาดว่าคงไม่ได้ดีขึ้นอย่างรวดเร็วนัก และถึงสิ้นปี หากไม่มีอะไรมากระทบอีกเชื่อว่าจะดีขึ้นเป็นลำดับไปจนถึงปีหน้า”
สำหรับซูซูกินั้น ในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายทั้งสิ้น 11,089 คัน ซึ่งถือว่าเป็นยอดขายที่ยอมรับได้ และบริษัทยังมองว่าไม่น่ากังวล เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีรถหลายรุ่นที่มียอดขายกระเตื้องขึ้นมา โดยเฉพาะรถอีโคคาร์อย่างซูซูกิ เซเลริโอ้ ที่ได้อานิสงส์จากช่วงสถานการณ์โควิดเนื่องจากลูกค้าได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถ หันมาให้ความสนใจรุ่นนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้ามองไปที่การใช้เงินอย่างคุ้มค่าเพื่อเลือกซื้อรถที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง และคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปด้วย
ประกอบกับบริษัทได้แนะนำรถครอสโอเวอร์ XL7 ออกสู่ตลาดเพื่อเป็นการเสริมไลน์สินค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น รองรับกับหลายสไตล์ล้วนรวมถึงฐานกลุ่มลูกค้าของซูซูกิที่มีอีโคคาร์เป็นหลัก ทำให้สามารถตอบโจทย์ทุกกลุ่มในตลาดได้ครบถ้วน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ หอการค้าญี่ปุ่น พบว่ายอดการจำหน่ายรถยนต์ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา มียอดขายอยู่ที่ 327,426 คัน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ 60% และรถยนต์นั่ง 40% ขณะที่ยอดขายในเดือนมิถุนายน มียอดขายทั้งสิ้น 56,835 คันแบ่งเป็นโตโยต้า 13,366 คัน อีซูซุ 16,661 คัน ฮอนด้า 5,822 คัน มิตซูบิชิ 4,002 คัน นิสสัน 3,523 คัน มาสด้า 2,642 คัน, เอ็มจี 2,215 คัน, ซูซูกิ 2,021 1,728 355 และอื่น ๆ 4,500 คัน สำหรับตลาดรถยนต์ที่ถือว่ามีความเคลื่อนไหวในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
ขณะที่อีโคคาร์ในช่วงที่ผ่านมานั้นมียอดขาย 69,819 คัน แบ่งเป็น นิสสัน12,351 คัน โตโยต้า 18,442 คัน ฮอนด้า 16,962 คัน มาสด้า 9,342 คัน ซูซูกิ 7,967 คัน มิตซูบิชิ 4,755 คัน
อ่านต่อ:
- ค่ายรถเคลียร์สต๊อกปิดโรงงานยาว ลั่นโควิดไม่จบมีก๊อก 3 ซัพพลายเออร์อ่วม
- เพราะอะไร Suzuki จึงร่วมลงทุนกับ Toyota?