สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และ มจธ. ร่วมขับเคลื่อนผลิตภาพแรงงานด้วยการจัดการนวัตกรรม

สถาบันเพิ่มผลผลิต - พระจอมเกล้าธนบุรี จับมือพัฒนาวิชาการและนวัตกรรม ยกระดับผลิตภาพแรงงาน

อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 2566
  • Share :

สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ จับมือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ผสานความเชี่ยวชาญ พัฒนาวิชาการและนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนผลิตภาพแรงงาน

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และ บัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้ดำเนินการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการและนวัตกรรม ผลักดันหลักสูตรและกิจกรรม ภายใต้เป้าหมายเพื่อส่งเสริมการยกระดับคุณภาพบุคลากรและองค์กรไทยให้มีประสิทธิภาพ พร้อมเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

พิธีลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ผู้นำของทั้งสองหน่วยงานเป็นผู้ลงนาม ณ ห้องประชุมสนั่น สุมิตร อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พร้อมบอกเล่าถึงวัตถุประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และความเชี่ยวชาญ เพื่อร่วมกันพัฒนาหลักสูตรศึกษา หลักสูตรปฏิบัติการ และกิจกรรมต่าง ๆ สู่การขยายขอบเขตการส่งมอบความรู้สู่บัณฑิตยุคใหม่ รวมถึงบุคคลทั่วไปที่สนใจให้มีทักษะด้านการเพิ่มผลิตภาพด้วยนวัตกรรม สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจในภาคส่วนอื่น ๆ

รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้เริ่มต้นอธิบายถึงเป้าหมาย ของความร่วมมือทางวิชาการในการยกระดับวิชาชีพของแรงงานไทย อันเป็นสาระสำคัญของการร่วมมือกันในครั้งนี้ “ด้วยผลกระทบจากเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกธุรกิจ ทำให้ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวและเร่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ก็เพื่อร่วมกันเป็นกลไกขับเคลื่อนและดำเนินการ จัดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการพัฒนาทักษะ ความรู้ ส่งเสริมการเรียนรู้ในรูปแบบ Outcome based ที่มุ่งไปที่ความสามารถของผู้เรียนรู้ที่จะสามารถนำไปใช้งานได้จริง เพื่อสร้างโอกาสและเพิ่มความสามารถของผู้เรียน ส่งผลต่อการยกระดับผลิตภาพแรงงาน อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ทั้งนี้การดำเนินการภายใต้ความร่วมมือจะประกอบด้วย การพัฒนาหลักสูตร การฝึกอบรม กิจกรรมต่อยอดประสบการณ์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น เราหวังว่าความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานในครั้งนี้ จะเป็นรากฐานที่มั่นคง เป็นบันไดสู่ความยั่งยืนให้กับบุคคล องค์กร สังคมและประเทศชาติต่อไป”

พร้อมกันนี้ นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ได้กล่าวถึง การเพิ่มผลิตภาพบุคลากรและองค์กร ผ่านกระบวนการจัดการและนวัตกรรม ว่า

“ในยุคที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง และมีเทคโนโลยีเป็นตัวเร่งให้ทุกฝ่ายต้องปรับตัว ‘นวัตกรรม’ กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเข้ามาสนับสนุนและผลักดันให้เป้าหมายในการขับเคลื่อนผลิตภาพนั้นประสบความสำเร็จ ด้วยเหตุนี้ ‘การสร้างความเข้มแข็งระบบนวัตกรรม’ จึงได้ถูกระบุไว้ให้เป็นหนึ่งในพันธกิจของสถาบัน ที่เราต่างยึดมั่นและตั้งใจจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ

ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมา สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์ความรู้และทักษะด้านนวัตกรรมแก่บุคลากร อีกทั้งยังได้ประยุกต์ใช้หลักการนวัตกรรมเพื่อเพิ่มผลิตภาพให้กับการดำเนินงานของสถาบันอยู่เสมอ ทั้งในแง่ของการส่งเสริมกระบวนการคิดเชิงระบบ สร้างสรรค์ และการมีวิสัยทัศน์ที่มองเห็นแนวโน้มความเป็นไปต่าง ๆ ทั้งในด้านเทคโนโลยี สภาพสังคม พฤติกรรมของผู้บริโภค และเศรษฐกิจ รวมถึงเข้าใจกลไกการขับเคลื่อน ผลักดันให้เกิดนวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับผลิตภาพของกระบวนการดำเนินงานขึ้นได้ จนในปัจจุบันเราสามารถพูดได้ว่า เรามีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และสิ่งสำคัญคือ เรามีความพร้อมที่จะส่งมอบองค์ความรู้ รวมถึงทักษะที่สำคัญในการใช้นวัตกรรมมาผลักดันให้เกิดการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพไปสู่บุคคลภายนอก ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การให้คำปรึกษาแนะนำ หลักสูตรฝึกอบรมหัวข้อต่าง ๆ หรือกิจกรรมสัมมนา ที่สามารถพัฒนาทักษะได้อย่างครอบคลุม ทั้งในระดับบุคคลและระดับองค์กร”

นายสุวรรณชัย ยังได้เสริมย้ำถึงความคาดหวังในระยะเวลา 4 ปีของการร่วมมือกันระหว่าง สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และ บัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จะสามารถนำองค์ความรู้ และความเชี่ยวชาญด้านผลิตภาพที่มีอยู่ มาขยายผล ต่อยอด เพื่อสร้างประโยชน์และเพิ่มโอกาสความสำเร็จที่มากขึ้น สอดรับกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของทั้งสองหน่วยงาน

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH