อียู’ลงทุนซัพพลายเชนผลิตแบตฯ รถยนต์ไฟฟ้า ตั้งเป้า 6 ล้านคัน ปี 2025

‘อียู’ลงทุนซัพพลายเชนผลิตแบตฯ รถยนต์ไฟฟ้า ตั้งเป้า 6 ล้านคัน ปี 2025

อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 2564
  • Share :

♦ สหภาพยุโรปอนุมัติงบ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
♦ การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยให้ยุโรปสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขั้นต่ำปีละ 6 ล้านคันภายในปี 2025
♦ Tesla, BMW, Fiat Chrysler Automobiles, และบริษัทอื่น ๆ  รวม 42 รายได้รับงบสนับสนุนแล้ว

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2021 สหภาพยุโรป (EU) อนุมัติงบประมาณ 2.6 พันล้านยูโร หรือราว 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้โครงการ Important Projects of Common European Interest (IPCEI) ครั้งที่ 2 เพื่อสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคยุโรปให้พึ่งพาตัวเองได้ และคาดการณ์ว่าการอนุมัติเงินลงทุนในครั้งนี้ จะดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนได้มากถึง 9 พันล้านยูโร หรือราว 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

การลงทุนภายใต้โครงการ IPCEI ครั้งแรกถูกอนุมัติเมื่อเดือนธันวาคม 2019 เพื่อกระตุ้นการพัฒนาซัพพลายเชนด้านแบตเตอรี่ในยุโรปครอบคลุมตั้งแต่ต้นจนจบ นับตั้งแต่กระบวนการสกัดวัตถุดิบ ออกแบบ และผลิต การรีไซเคิลและกำจัดซากแบตเตอรี่ รวมถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยี กระบวนการผลิต และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยมี 12 จาก17 ประเทศสมาชิกร่วมลงทุน ได้แก่ ออสเตรีย เบลเยียม โครเอเชีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ อิตาลี โปแลนด์ สโลวาเกีย สเปน และสวีเดน

Margrethe Vestager รองประธานกรรมการบริหารคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ผู้รับผิดชอบนโยบายการแข่งขันเปิดเผยว่า การให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งแบกรับหน้าที่ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อให้เศรษฐกิจของยุโรปสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นได้มีความเสี่ยงเกินไป อียูจึงให้การสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม โดยโครงการนี้จะสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมแบตเตอรี่อย่างยั่งยืน และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางการค้าของยุโรป และลดภาระการลงทุนจากภาคเอกชนที่มีทรัพยากรจำกัด ภายใต้เป้าหมายว่าประชาชนจะต้องได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนในครั้งนี้ด้วย

Maroš Šefčovič ผู้รับผิดชอบ European Battery Alliance กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้จะมุ่งไปที่เทคโนโลยียุคใหม่ ซึ่งจะมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ยุโรปสามารถก้าวเข้าสู่ยุคสีเขียว ยกระดับเศรษฐกิจยุโรปเติบโตได้ในระยะยาว และลดการพึ่งพาต่างชาติในเซกเตอร์นี้ พร้อมยอมรับว่าเมื่อ 3 ปีก่อน อียูยังไม่ไห้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้ามากนัก แต่การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยให้ยุโรปสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างน้อยอยู่ที่ปีละ 6 ล้านคันภายในปี 2025 

โดยปัจจุบัน มีผู้เข้าร่วมโครงการจากภาคเอกชนรวมแล้ว 42 ราย เช่น Tesla, BMW, Fiat Chrysler Automobiles, และบริษัทอื่น ๆ ทั้งรายใหญ่และ SMEs ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ และทำงานร่วมกับ 300 องค์กรภายในโครงการ และอีก 150 องค์กรภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษา ศูนย์วิจัย และอื่น ๆ เพื่อพัฒนานวัตกรรมตามแนวทางของอียู และคาดว่าโครงการจะสิ้นสุดภายในปี 2028

Thierry Breton กรรมธิการฝ่ายการตลาดภายในโครงการ แสดงความเห็นว่า ห่วงโซ่แห่งคุณค่า (Value Chain) ของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีความสำคัญต่ออนาคตด้านการคมนาคม และพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากยุโรปมีซัพพลายเชนแบตเตอรี่ที่สมบูรณ์ ไม่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ยุโรปก็จะมีข้อได้เปรียบด้านอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก สามารถสร้างตำแหน่งงาน และลดการพึ่งพาประเทศอื่นได้ ซึ่งจะนำไปสู่เศรษฐกิจที่มั่นคงยิ่งขึ้น

 

อ่านต่อ