TSMC ผลงาน Q1 โตพุ่ง กำไรสุทธิทะลุ 8.9% ปลื้มดีมานด์ชิป AI แรง

TSMC ผลงาน Q1 โตพุ่ง กำไรสุทธิทะลุ 8.9% ปลื้มดีมานด์ชิป AI แรง

อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 2567
  • Share :
  • 1,103 Reads   

TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 โตเหนือคาดการณ์ ทำรายได้สุทธิอยู่ที่ 592.64 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน เพิ่มขึ้น 16.5% จากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว คิดเป็นรายได้ 18.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 225.49 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน โต 8.9% โดยปัจจัยหนุนจากดีมานด์ชิป AI ที่แข็งแกร่ง สำหรับไตรมาสถัดไป TSMC คาดการณ์ว่ารายได้จะอยู่ที่ 19.6 - 20.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Advertisement

18 เม.ย. 67 บริษัท TSMC หรือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งมีลูกค้าหลักคือ Nvidia และ Apple ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกระบุ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ ด้วยแรงหนุนจากความต้องการชิปขั้นสูงโดยเฉพาะสำหรับใช้งานด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ยังคงแข็งแกร่ง

ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2024 ของ TSMC มีรายได้สุทธิ 592.64 พันล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (18.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้น 16.5% จากปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ: 225.49 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน เพิ่มขึ้น 8.9% จากปีก่อน โดยมีการจัดส่งชิปขนาด 3 นาโนเมตรคิดเป็น 9% ของรายได้เวเฟอร์ทั้งหมด, ชิป 5 นาโนเมตรคิดเป็น 37%; ชิป 7 นาโนเมตรคิดเป็น 19%, และเทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งหมายถึงเทคโนโลยีขนาด 7 นาโนเมตรและเทคโนโลยีขั้นสูงกว่านั้น คิดเป็น 65% ของรายได้จากเวเฟอร์ทั้งหมด

Wendell Huang ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TSMC ระบุ“สำหรับไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 เราคาดการณ์ว่าธุรกิจของเราจะได้รับแรงหนุนจากความต้องการเทคโนโลยี 3 นาโนเมตรและ 5 นาโนเมตรที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดยบางส่วนได้รับการชดเชยจากฤดูกาลสมาร์ทโฟนที่ยังคงอยู่”

ขณะที่ C.C. Wei ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TSMC คาดว่าปี 2567 จะเป็นปีที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยการสนับสนุนจากความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและฐานลูกค้าที่กว้างขวาง

“แทบจะทุกบริษัทนวัตกรรมด้าน AI กำลังทำงานร่วมกับ TSMC เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่มีประสิทธิภาพในการคำนวณ บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จากตลาดชิปประมวลผล AI สำหรับเซิร์ฟเวอร์จะเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าในปีนี้” C.C. Wei ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TSMC กล่าว

ทั้งนี้ TSMC คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่ 2 จะอยู่ในช่วง 19.6 - 20.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบัน TSMC สามารถผลิตชิปขนาด 3 นาโนเมตรได้แล้ว และวางแผนจะเริ่มการผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรในปี 2568 โดยทั่วไปแล้วขนาดนาโนเมตรที่เล็กลงจะส่งผลให้ได้ชิพที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงขึ้น  ขณะเดียวกัน ความต้องการชิปสำหรับปัญญาประดิษฐ์ที่เพิ่มสูงขึ้น จากการแพร่หลายของรูปแบบภาษาขนาดใหญ่ เช่น ChatGPT และตัวคู่แข่งในจีน ทำให้ราคาหุ้น TSMC พุ่งขึ้น 56% ในรอบปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานเพิ่มเติมว่า Brady Wang รองผู้อำนวยการ Counterpoint Research กล่าวก่อนที่ TSMC ประกาศผลประกอบการว่า “TSMC อยู่ในสถานะที่เหมาะสมสำหรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยอิงจากแนวโน้มหลักของอุตสาหกรรม ความต้องการชิปขั้นสูงที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะสำหรับใช้งานด้านปัญญาประดิษฐ์ ถือเป็นสัญญาณบวกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาชิปขั้นสูง เช่น การเปลี่ยนไปสู่เทคโนโลยี 3 นาโนเมตร ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาวของ TSMC”

ตามข้อมูลของ Counterpoint Research พบว่าในไตรมาสที่ 4 TSMC ครองส่วนแบ่งรายได้จากการเป็นผู้รับจ้างผลิตชิปทั่วโลก (foundry) ถึง 61% ส่วน Samsung Foundry อยู่ในอันดับรองลงมาด้วยส่วนแบ่ง 14% ขณะที่ Grzegorz Drozdz นักวิเคราะห์ตลาดจาก Conotoxia กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อัตรากำไรสุทธิของ TSMC ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของบริษัทที่ 40% เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 14% แสดงให้เห็นถึงจุดแข็งในการแข่งขันของ TSMC อัตรากำไรที่สูงเป็นผลมาจากสัดส่วนการขายชิปขนาด 7 นาโนเมตรและชิปขนาดเล็กกว่าที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ามาก” 

ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจของ TSMC ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่มีการปรับสต๊อกสินค้า โดยผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและพีซีได้สต๊อกชิปเกินความต้องการในช่วงวิกฤตโควิด ทำให้เกิดสินค้าคงคลังส่วนเกิน เมื่อความต้องการในยุคโควิดลดลง และช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ ไต้หวันได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปี แต่โฆษกของ TSMC ระบุว่าหลังการตรวจสอบเบื้องต้น สถานที่ก่อสร้างของบริษัทไม่มีปัญหา แม้จะมีการอพยพพนักงานจากโรงงานบางแห่งชั่วคราว และได้กลับมาปฏิบัติงานตามปกติแล้ว รวมถึงประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน “Wendell Huang” กล่าวกับนักลงทุนและนักวิเคราะห์เมื่อวันพฤหัสบดีว่า “ไม่มีปัญหาการขาดไฟฟ้า ไม่มีความเสียหายโครงสร้างต่อโรงงานของเรา และเครื่องจักรสำคัญรวมถึงเครื่องผลิตชิป EUV ของเราไม่ได้รับความเสียหาย”

โดยเครื่องผลิตชิป EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) มีความสำคัญอย่างยิ่งในการผลิตชิปประมวลผลขั้นสูงที่สุด

อย่างไรก็ตาม Wendell Huang ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TSMC ระบุว่า มีบางส่วนของเวเฟอร์ถูกกระทบกระเทือนและ "จำเป็นต้องถูกทิ้ง" และเสริมว่าบริษัทคาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาการผลิตที่สูญเสียไปส่วนใหญ่ได้ในไตรมาสที่ 2 โดยจะมี "ผลกระทบต่อรายได้เพียงเล็กน้อย"

เราได้คาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 2 จะลดลง 1.1% มาอยู่ที่ระดับ 52% โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในวันที่ 3 เมษายน ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว และต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นในไต้หวัน Huang กล่าว

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังได้อนุมัติเบื้องต้นให้บริษัทในเครือ TSMC ซึ่งตั้งอยู่ในแอริโซนาได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมูลค่าสูงสุด 6.6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปกึ่งตัวนำขั้นสูงสุดของโลก และ TSMC ยังมีสิทธิ์ได้รับเงินกู้ราว 5 พันล้านดอลลาร์จากมาตรการเสนอขึ้นมาใหม่อีกด้วย

#tsmc #ai #ชิป #Semiconductor #Mreport #ข่าวอุตสาหกรรม
 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH