คาร์บอนเครดิต สหรัฐฯ ขึ้นค่าปรับยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเกินค่ามาตรฐาน

ค่ายรถอ่วม สหรัฐฯ ขึ้นค่าปรับยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเกินค่ามาตรฐาน

อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 2565

สหรัฐฯ เข้มนโยบายลดคาร์บอน ดันค่ายรถเดินหน้าประหยัดเชื้อเพลิงให้มากยิ่งขึ้น ประกาศเพิ่มบทลงโทษผู้ผลิตยานยนต์ที่มีอัตราการใช้เชื้อเพลิงเกินค่ามาตรฐาน โดยขึ้นค่าปรับจาก 5.5 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 14 และ 15 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 0.1 MPG ขึ้นอยู่กับรุ่นปีรถ

ไบเดนลั่น! "รถยนต์ไฟฟ้าครึ่งตลาด" ภายใน 2030

Advertisement

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2022 กองบริหารความปลอดภัยทางการจราจรบนทางหลวงของสหรัฐอเมริกา (NHTSA) ได้ประกาศเพิ่มบทลงโทษผู้ผลิตยานยนต์ที่มีอัตราการใช้เชื้อเพลิงเกินค่ามาตรฐาน เพื่อกระตุ้นให้ผู้ผลิตยานยนต์รับผิดชอบต่ออัตราการประหยัดเชื้อพลังมากขึ้น

NHTSA ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การตัดสินใจเพิ่มบทลงโทษครั้งนี้จะกระตุ้นให้ผู้ผลิตจำเป็นต้องพัฒนายานยนต์ให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่าที่ผ่านมา

เดิมทีมาตรการการขึ้นค่าปรับนี้ถูกเสนอเมื่อปี 2016 ในยุคสมัยของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา กำหนดให้มาตรการนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2019 อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้ได้ถูกเลื่อนออกเป็นปี 2022 ในสมัยของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

โดยยานยนต์รุ่นปี 2019 - 2021 ที่มีอัตราการใช้เชื้อเพลิงเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้จะต้องจ่ายค่าปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 5.5 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 14 ดอลลาร์สหรัฐ ต่ออัตราการใช้เชื้อเพลิง 0.1 ไมล์ต่อแกลลอน (Mile Per Gallon: MPG) ในขณะที่ยานยนต์รุ่นปี 2022 จะต้องจ่ายค่าปรับที่ 15 ดอลลาร์สหรัฐต่ออัตราการใช้เชื้อเพลิง 0.1 ไมล์ต่อแกลลอน

ฟากค่ายรถได้แสดงการต่อต้านเป็นอย่างมากในช่วงปี 2016 ที่มีการเสนอมาตรการนี้เป็นครั้งแรก เนื่องจากอาจทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐต้องแบกรับต้นทุนมากขึ้นถึงปีละ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ยกตัวอย่างเช่น Stellantis คาดการณ์ว่าบริษัทจะมีรายจ่ายมากขึ้นปีละ 572 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะทำให้เทสล่ามีรายได้จากการขายเครดิตคาร์บอนมากขึ้น

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 2021 โตพรวด 109% เทสล่าครองเบอร์ 1

NHTSA คาดการณ์ว่า ค่ายรถสหรัฐฯ จะต้องจ่ายค่าปรับสำหรับยานยนต์รุ่นปี 2019 เพิ่มขึ้นจากเดิม 115.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 294 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะสามารถประกาศค่าปรับสำหรับยานยนต์รุ่นปี 2023 - 2026 ได้ภายในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ของสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่า หากค่าปรับเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ยานยนต์ และโครงสร้างพื้นฐาน แทนการนำไปเป็นส่วนหนึ่งในเงินกองทุนของกระทรวงการคลังจะเป็นการดีกว่าอย่างมาก

โดย Stellantis เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีความต้องการร่วมงานกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อให้แน่ใจว่าหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้รับเงินค่าปรับนี้นำไปใช้ในการลงทุนด้านรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมรถอีวีให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ส่วนทางด้านเทสล่ายังไม่แสดงความเห็นแต่อย่างใด