‘วินฟาสต์’ เตรียมจับมือ ‘ฟ็อกซ์คอนน์’ พัฒนาชิ้นส่วน-แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

‘วินฟาสต์’ เตรียมจับมือ ‘ฟ็อกซ์คอนน์’ พัฒนาชิ้นส่วน-แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 2564
  • Share :

♦ VinFast สตาร์ทอัพสัญชาติเวียดนามซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2017 และมีเป้าหมายผลักดันแบรนด์ไปสู่ระดับโลก มีลุ้นเข้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 

♦ แหล่งข่าวเผย Foxconn ยื่นข้อเสนอซื้อสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ VinFast

♦ Foxconn ตั้งเป้ากวาดส่วนแบ่ง 10% ของตลาดชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2025 

วินฟาสต์ (VinFast) ค่ายรถยนต์สตาร์ทอัพสัญชาติเวียดนามซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2017 และมีเป้าหมายผลักดันแบรนด์ไปสู่ระดับโลก อาจได้มีลุ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หลังแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ซัพพลายเออร์รายใหญ่ของแอปเปิลกำลังเข้าเจรจากับวินฟาสต์ในการพัฒนาชิ้นส่วนและแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2021 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผย “วินฟาสต์” ผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติเวียดนาม อยู่ระหว่างการเจรจากับ “ฟ็อกซ์คอนน์” ผู้ผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่จากไต้หวัน เพื่อร่วมพัฒนาชิ้นส่วนยานยนต์ และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

รอยเตอร์อ้างถึงแหล่งข่าวไม่ระบุนามเปิดเผยว่า ฟ็อกซ์คอนน์ยื่นข้อเสนอเข้าซื้อสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของวินฟาสต์ อย่างไรก็ตาม อีกแหล่งข่าวรายงานว่า วินฟาสต์มีความต้องการจะรักษาธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าไว้ภายใต้แบรนด์เดิมของตนมากกว่า

โฆษกบริษัทวินฟาสต์ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า Vingroup ได้รับข้อเสนอจากฟ็อกซ์คอนน์จริง แต่ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าจะมีข้อสรุปอย่างไร และหากการร่วมมือกันเกิดขึ้นได้ก็จะเป็นไปเพื่อการพัฒนาชิ้นส่วนยานยนต์ และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก และยังไม่มีการตัดสินใจร่วมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ฝั่งฟ็อกซ์คอนน์ยังปฏิเสธไม่ให้ความเห็นแต่อย่างใด

ในปี 2020 ที่ผ่านมา วินฟาสต์มียอดขายยานยนต์ราว 30,000 คัน และคาดว่าจะมียอดขาย 45,000 คันในปี 2021 นี้ โดยเริ่มจัดส่งรถยนต์ไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าภายในประเทศตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา

นอกจากนี้ วินฟาสต์ยังมีสายการผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้าและรถบัสอีกด้วย ซึ่งวินฟาสต์ยังมีแผนก่อตั้งบริษัทร่วมทุนกับ ProLogium จากไต้หวัน เพื่อพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์อีกด้วย

ทางด้านฟ็อกซ์คอนน์ จากเดิมโฟกัสไปที่การซัพพลายสินค้าให้กับแอปเปิลเป็นหลัก ได้เริ่มเดินหน้ารุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อขยายธุรกิจ และได้บรรลุข้อตกลงกับ Fiat Chrysler ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2020 เพื่อร่วมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและ Connected Car เข้าสู่ตลาดยานยนต์จีน

โดยฟ็อกซ์คอนน์มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดสำหรับชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกไว้ที่ 10% ภายในปี 2025 ด้วยเหตุนี้เอง ทางบริษัทจึงอยู่ระหว่างการเจรจากับธุรกิจอื่นหลายราย ซึ่งหนึ่งในดีลที่น่าสนใจที่สุด คือการบรรลุข้อตกลงกับ Zhejiang Geely Holding Group เพื่อร่วมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และยานยนต์อัตโนมัติในเดือนมกราคม 2021 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ฟ็อกซ์คอนน์ยังบรรลุข้อตกลงกับ Byton จากประเทศจีน และมีกำหนดเริ่มผลิต SUV ภายในปี 2022, และ Fisker สตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกัน ในการผลิตยานยนต์ 250,000 คัน ซึ่งมีกำหนดเริ่มผลิตในช่วงปลายปี 2023 

Liu Young-way ประธานบริษัทฟ็อกซ์คอนน์แสดงความเห็นว่า ปัจจุบันฟ็อกซ์คอนน์ก็เหมือนกับเด็กใหม่ในวงการยานยนต์ และจำเป็นต้องกระชับความสัมพันธ์กับบริษัทต่าง ๆ เพื่อเร่งสร้างฐานลูกค้าอีกด้วย