รถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน แผนกลยุทธ์ 2030

นิสสัน เผยวิสัยทัศน์ Ambition 2030 ตั้งเป้ารถยนต์ไฟฟ้า 50% ภายในปี 2030

อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 2564
  • Share :
  • 1,315 Reads   

Nissan เผยวิสัยทัศน์ Ambition 2030 เร่งลงทุน 2 ล้านล้านเยน หรือราว 17,670 ล้านเหรียญภายใน 5 ปีนี้ พร้อมตั้งเป้ารถยนต์ไฟฟ้า 50% ด้วยยานยนต์ 23 รุ่นใหม่ภายในปี 2030

Advertisement

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2021 นิสสัน (Nissan) เผยวิสัยทัศน์ “Ambition 2030” ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification) เป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ระยะยาว เพื่อมุ่งสู่การคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น โดยนิสสันตั้งเป้าสู่การเป็นบริษัทที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง 

Makoto Uchida CEO บริษัทนิสสัน แสดงความเห็นว่า บทบาทของบริษัทต่าง ๆ ในปัจจุบันจำเป็นต้องสอดรับกับความต้องการของสังคมมากยิ่งขึ้น ซึ่ง Nissan Ambition 2030 จะสนับสนุนเป้าหมายของนิสสันในการเป็นกลางทางคาร์บอนตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ภายในปีงบประมาณ 2050 เพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ของการใช้พลังงานไฟฟ้า

โดย Electrification ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ระยะยาวของนิสสัน ทำให้มีแผนลงทุน 2 ล้านล้านเยน หรือราว 17,670 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปีงบประมาณ 2026 เพื่อเร่งการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี

จากความต้องการยานยนต์ที่น่าตื่นเต้นและมีหลากหลายประเภทของลูกค้า นิสสันจึงมีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 23 รุ่น ซึ่งจะมี 15 รุ่นที่จะออกสู่ตลาดภายในปี 2030 โดยตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 50% ทั่วโลกภายใต้แบรนด์ Nissan และ INFINITI

ในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2026 นิสสันตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายจากการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า EV และ e-POWER ใหม่ 20 รุ่น ในตลาดหลักดังนี้

  • ยุโรป มากกว่า 75% ของยอดขาย
  • ญี่ปุ่น มากกว่า 55% ของยอดขาย
  • จีน มากกว่า 40% ของยอดขาย
  • สหรัฐอเมริกา 40% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า EV ในปี 2030
Advertisement

ซึ่งในงานแถลงข่าวครั้งนี้ นิสสันได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 3 รุ่นต้นแบบซึ่งจะเป็นตัวแทนยานยนต์แห่งอนาคตของนิสสัน ได้แก่ Nissan Hang-Out, Nissan Chill-Out, และ Nissan Max-Out, และรถกระบะไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่น คือ Nissan Surf-Out 

นอกจากนี้ นิสสันยังมีแนวทางลดต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนให้ถูกลง 65% ด้วยเทคโนโลยี cobalt-free ภายในปีงบประมาณ 2028 อีกด้วย

อ่านแนวโน้มตลาดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน คลิก

และนิสสันยังเปิดเผยถึงการพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตท (ASSB: All-Solid-State Battery) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในปี 2024 และเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า ASSB ได้ภายในปี 2028 โดยจะช่วยลดระยะเวลาในการชาร์จแบตลงเหลือ 1 ใน 3 นอกจากนี้ Nissan คาดว่า ASSB จะทำให้ต้นทุนของชุดแบตเตอรี่ลดลง เพื่อให้ต้นทุนของรถยนต์ไฟฟ้าเทียบเท่ากับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปในอนาคต

ในส่วนของเทคโนโลยีอื่น ๆ ทางบริษัทจะนำเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ProPILOT มาใช้ในยานยนต์รวม 2.5 ล้านคันภายในปีงบประมาณ 2026 และยานยนต์ของบริษัททุกรุ่นจะมีเทคโนโลยี LIDAR ยุคใหม่ภายในปีงบประมาณ 2030 

สำหรับการขยายกำลังการผลิต นิสสันมีแผนเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปภายในปีงบประมาณ 2022 และในสหรัฐฯ ภายในปีงบประมาณ 2025 เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับซัพพลายเชน พร้อมแผนลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการชาร์จไฟฟ้ารวม 2 หมื่นล้านเยน หรือราว 177 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปีงบประมาณ 2026 อีกด้วย ซึ่งคาดการณ์ว่าภายในปีงบประมาณ 2030 นิสสันจะมีกำลังผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกรวม 130 GWh

จากแผนกลยุทธ์นี้ นิสสันคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานในระยะยาวสูงกว่า 5%

 

#รถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน #Nissan #EV  #Electric Vehicles #Carbon Neutral #2050 Carbon Neutral #Carbon Neutrality #ลดคาร์บอน #รถยนต์ไฟฟ้า #รถอีวี #รถอีวี นิสสัน #ยานยนต์ไฟฟ้า #โรงงานผลิตรถอีวี นิสสัน #อุตสาหกรรมยานยนต์ #Automotive #M Report #Mreport #mreportth #วงในอุตสาหกรรม #ข่าวอุตสาหกรรม #ข่าวอุตสาหกรรมยานยนต์ #ข่าวอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH