สมาร์ทโฟน 5G ยุคบุกเบิกปีแรก ขายแล้วที่จีน ไทยรอปีหน้า
กระแส 5G ในจีน ทำให้ชาวจีนซื้อสมาร์ทโฟน 5G เกินครึ่งของยอดขายสมาร์ทโฟนทั้งหมดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับไทยเราได้เปิดประมูลคลื่น 5G เมื่อต้นปีนี้ และได้เริ่มเปิดให้บริการเครือข่าย 5G ภาคธุรกิจกันบ้างแล้ว อีกไม่นานเกินรอชาวไทยจะได้ใช้สมาร์ทโฟน 5G เช่นกัน
13 สิงหาคม 2020 รายงานจาก International Data Corporation (IDC) เปิดเผยความเคลื่อนไหวของสมาร์ทโฟน 5G ซึ่งออกสู่ตลาดจีนครบรอบ 1 ปีกับอีก 2 เดือนเศษนับตั้งแต่กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนอนุมัติใบอนุญาตทางการค้าเมื่อกลางปีที่แล้ว โดยสมาร์ทโฟน 5G วันนี้เริ่มมีน้ำหนักเบาและบางลงเรื่อย ๆ
แม้ว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่าย 5G ในจีนจะยังมีจำกัด โดยจำนวนสถานีฐาน (Base Station) ที่เปิดใช้งานจริงเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนมีเพียง 410,000 แห่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งสมาร์ทโฟน 5G ในตลาดกลับเติบโตเป็นอย่างมากตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่ตื่นตัวต่อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่โดยไม่ได้ใส่ใจกับความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานมากนัก ซึ่ง IDC China รายงานว่า ยอดขายสมาร์ทโฟน 5G ในปี 2019 ปิดที่ 67 ล้านเครื่อง และมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของยอดขายสมาร์ทโฟนในประเทศจีนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ในช่วงแรกของการเปิดตัวสู่ตลาด สมาร์ทโฟน 5G มีขนาดเครื่องหนา และมีน้ำหนักมากกว่า 190 กรัม โดยกว่า 30% มีน้ำหนักมากกว่า 200 กรัม เพราะต้องใช้แบตเตอรี่ความจุสูงซึ่งมีขนาดใหญ่ ร่วมกับชิบระบบเครือข่ายแบบเบสแบนด์ 5G, เสาอากาศ, อุปกรณ์รับส่งคลื่นวิทยุ, และอุปกรณ์ระบายความร้อน ซึ่งในช่วงต้นที่เปิดตัวสู่ตลาด สมาร์ทโฟน 5G
จนกระทั่งในช่วงปลายปี 2019 ผู้เล่นรายใหญ่เริ่มลงสู่ตลาดด้วยสมาร์ทโฟนน้ำหนักเบา ซึ่งเป็นมิตรต่อผู้ใช้มากกว่า ทำให้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ที่ผ่านมานี้ เกือบ 50% ของสมาร์ทโฟน 5G ในตลาดเบากว่า 190 กรัมทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม สมาร์ทโฟนที่บางและเบาลงนี้ ทำให้เกิดความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ และน้ำหนัก โดยสมาร์ทโฟนสำหรับผู้ใช้อายุน้อย และกลุ่มที่ซื้อตามกระแสผ่านตัวแทนจำหน่ายมักมีน้ำหนักเบากว่า 190 กรัม ในขณะที่สมาร์ทโฟน 5G ที่เป็นโมเดลเรือธงของหลายค่ายมักมีน้ำหนักมาก แต่ก็มีประสิทธิภาพสูงและมีฟังก์ชันมากกว่า ซึ่งขายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก
โดยช่วงก่อนเดือนพฤศจิกายน 2019 มี ZTE และ China Mobile เท่านั้นที่วางจำหน่ายสมาร์ทโฟน 5G ที่เบากว่า 190 กรัม ตามด้วย OPPO ในปลายปี จากนั้นจึงเป็น Huawei ในเดือนเมษายน 2020 ซึ่งสามารถเข้าครองส่วนแบ่ง 40% จากตลาดจีนได้อย่างรวดเร็วด้วยซีรี่ย์ nova 7 และ P40
Photo : Huawei
ซึ่งจากแนวโน้มนี้ รวมถึงอนาคตที่ 5G จะแพร่หลายมากยิ่งขึ้นนี้เอง ทำให้ความต้องการจอภาพที่มี Refresh Rate และ Sampling Rate สูง, แบตเตอรี่ความจุสูง, และชิ้นส่วนอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมากตามไปด้วย โดยผู้บริโภคหลายรายเลือกซื้อสมาร์ทโฟนจากคุณภาพแบตเตอรี่ว่าใช้งานได้นานแค่ไหน ทำให้ 95% ของสมาร์ทโฟน 5G เลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 4,000+ mAh
อย่างไรก็ตาม IDC เชื่อว่า ผู้พัฒนาสมาร์ทโฟน 5G จะต้องเลือกระหว่างประสิทธิภาพ และน้ำหนักเครื่องไปอีกระยะหนึ่งตามข้อจำกัดทางเทคนิค แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจอภาพ และเซนเซอร์ที่รวดเร็ว รวมไปถึงทักษะการออกแบบของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น ก็จะทำให้สมาร์ทโฟน 5G มีความบางเบาแต่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพได้
Wang Xi ผู้อำนวยการวิจัยจาก IDC China เชื่อว่า ความนิยมของแอปพลิเคชันวิดีโอ จะทำให้ผู้บริโภคถือสมาร์ทโฟนด้วยมือเดียวมากยิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่บางลงจึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคนี้ และจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนในอนาคต
I แล้วไทยจะได้ใช้เมื่อไหร่?
สำหรับประเทศไทย ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิดทำให้เครือข่าย 5G ถูกนำมาใช้รวดเร็วขึ้นในหลายภาคส่วน อาทิ WHA ยื่นขอใบอนุญาตบริการ 5G ให้กับ Data Center ในพื้นที่อุตสาหกรรม, AIS นำ 5G เข้ามาใช้ร่วมกับหุ่นยนต์ทางการแพทย์, การท่าเรือแห่งประเทศไทยเริ่มทดสอบ 5G ในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง, โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกที่เริ่มทดลองทดสอบ 5G, และอื่น ๆ ซึ่งเมื่อรวมกับการเริ่มทยอยเปิดให้บริการ 5G สำหรับผู้บริโภคหลังการประมูลเมื่อต้นปีแล้ว ทำให้คาดการณ์ได้ว่า การที่ไทยจะมี 5G ครอบคลุมทุกพื้นที่ และไม่จำกัดอยู่แต่เพียงเมืองใหญ่จะอยู่อีกไม่ไกลเกินเอื้อม
อ่านต่อ:
ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกประจำไตรมาส 2 ปี 2020 - Huawei แซงขึ้นมายืนหนึ่ง