‘อียู’ ยกระดับลงทุน ตั้งเป้าเทียบขั้นผู้นำตลาดชิปเซมิคอนดักเตอร์

Semiconductor สำคัญไฉน ‘อียู’ ยกระดับลงทุน ตั้งเป้าเทียบขั้นผู้นำตลาด

อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 2564
  • Share :
  • 613 Reads   

♦ สหภาพยุโรปร่างแผนผลักดันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor Industry) ให้เทียบเท่าจีน ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา ประสานความร่วมมือกับบรรดาบริษัทชั้นนำของยุโรป 

♦ ตั้งเป้าหมายยกระดับกำลังการผลิตชิปคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 2 เท่า ซึ่งจะทำให้มีส่วนแบ่งในตลาดโลกรวม 20% และมีแผนผลิตชิป 2 นาโนเมตร (nm) ที่ก้าวหน้าที่สุดในปี 2030 

Advertisement

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2021 Mr. Thierry Breton เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดภายใน (Commissioner for internal markets) จากสหภาพยุโรป หรืออียู (EU) เปิดเผยว่า สหภาพยุโรปพร้อมลงทุนครั้งใหญ่ใน Semiconductor Industry เพื่อสนับสนุนการผลิต และซัพพลายเชนสำหรับชิปคอมพิวเตอร์

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า Mr. Thierry Breton ได้เผยแผนลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์หลังจากการประชุมกับบริษัท ASML ซึ่งเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์รายใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ โดยสหภาพยุโรปได้ตั้งเป้ายกระดับขีดกำลังการผลิตชิปเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดโลกเป็น 20% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันถึง 2 เท่า และมีแผนผลิตชิป 2 นาโนเมตร (nm) ที่ก้าวหน้าที่สุดในปี 2030 อีกด้วย

โดยอียูได้ร่วมกับผู้ผลิต Semiconductor สัญชาติยุโรปหลายราย เช่น ASML, Infineon, STM, และ NXP เพื่อร่างแผนผลักดันอุตสาหกรรมในภูมิภาคให้มีศักยภาพเทียบเท่าจีน ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา และตั้งเป้าว่าการลงทุนครั้งนี้ให้ดึงดูดผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอย่างซัมซุง, อินเทล, และ TSMC ให้เข้ามาสร้างโรงงานแห่งใหม่ในยุโรปอีกด้วย

Advertisement

Mr. Thierry Breton เสริมว่า งบประมาณส่วนหนึ่งของการลงทุนจะดึงมาจากวงเงินสำหรับฟื้นฟูอียูจากโควิด เนื่องจากกำหนดไว้ว่า 20% ของวงเงินจะถูกนำไปใช้กับการพายุโรปเข้าสู่ยุคดิจิทัลอยู่แล้ว และแสดงความต้องการว่าอยากให้การลงทุนเกิดขึ้นภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีการประกาศวงเงินลงทุน และกำหนดการชัดเจนออกมาแต่อย่างใด

Mr. Peter Wennink ประธานบริษัท ASML เสริมว่า นอกจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์แล้ว อียูควรลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมที่จะมีความสำคัญใน 5 ปีข้างหน้านี้ ไปจนถึงอุตสาหกรรมที่เป็นจุดแข็งแต่เดิมด้วย เช่น อุตสาหกรรมชิปยานยนต์ และ Edge computing

 

ไม่เพียงแต่ อียู เท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับ Semiconductor ฝั่งสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ก็มีแนวคิดเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2021 นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้พบกันเป็นครั้งแรกที่กรุงวอชิงตัน โดยร่วมพูดคุยถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของญี่ปุ่น-สหรัฐอเมริกา-จีน สิทธิมนุษยชน โควิด และอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงประเด็นวิกฤตชิปเซมิคอนดักเตอร์ขาดตลาดด้วย

ในยุค Digital เช่นนี้ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor Industry) ได้ถูกยกระดับความสำคัญขึ้นมาอย่างชัดเจน ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ถูกติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้ภายในแทบทั้งสินค้า ดังนั้น เมื่อเกิดวิกฤต Semiconductor ขาดตลาดนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าการแก้วิกฤตครั้งนี้ต้องใช้เวลายาวนานไปอีก 1-2 ปี สิ่งที่จะกระทบแน่นอนคือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ต้องใช้ชิปเซมิคอนดักเตอร์ย่อมมีระยะเวลาผลิตและจัดส่งยาวนานขึ้น สุดท้ายราคาของสินค้าต่าง ๆ เมื่อถึงมือผู้บริโภคจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน 

สถานการณ์ปัจจุบันภาคการผลิตแทบทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก ทั้งเครื่องจักร รถยนต์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ เริ่มได้รับผลกระทบแล้ว สิ่งที่โรงงานทำนอกจากการจัดหาซัพพลาย Semiconductor เพิ่มเติมแล้ว ก็มีการเจรจากับลูกค้าเพื่อเลื่อนกำหนดจัดส่งสินค้าออกไป รวมไปถึงการชะลอการผลิต หรือบางโรงงานอาจต้องหยุดการผลิตไป และสินค้าบางชนิดเริ่มมีการขยับราคาขึ้นหรือมีส่วนลดน้อยลง หรือหยุดรับออร์เดอร์ชั่วคราว เช่น สมาร์ทโฟนบางรุ่น 

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่

Facebook / Twitter : MreportTH

Youtube official : MReport

Line : @mreportth

Website : www.mreport.co.th