จากมาตรการสหรัฐฯ แบนหัวเว่ย ส่งผลให้ความต้องการนอกประเทศจีนของสมาร์ทโฟนหัวเว่ย (Huawei) ลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ซัมซุง (Sumsung) จะเข้ามาถือครองส่วนแบ่งในตลาดได้มากขึ้น และมีแนวโน้มทำกำไรในไตรมาสที่ 3 ปี 2020 เหนือความคาดหมาย ด้วยกำไรสูงสุดในรอบสองปี พุ่งทะยาน 58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2020 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยคาดการณ์ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซัมซุงจะมีรายได้รวม 66 ล้านล้านวอน หรือราว 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำไรจากการดำเนินงาน 12.3 ล้านล้านวอน หรือราว 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ  ซึ่งจะเป็นกำไรสุงสุดในรอบ 2 ปี และยังเป็นตัวเลขที่เหนือกว่าการคาดการณ์ของสำนักวิเคราะห์ Refinitiv ซึ่งประเมินไว้ที่ 10.5 ล้านล้านวอน อย่างไรก็ตาม จะมีการประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการในภายหลัง 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ซัมซุงจะเข้ามาถือครองส่วนแบ่งในตลาดได้มากขึ้นจากหัวเว่ย ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญ โดยการแทรกแซงของรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านมาตรการแบนหัวเว่ย ทำให้ความต้องการสมาร์ทโฟนหัวเว่ยลดลงในหลายภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายสมาร์ทโฟนราคาถูก และราคาปานกลางของซัมซุงให้สูงขึ้น และการระบาดของโควิดยังมีส่วนช่วยในการลดค่าใช้จ่ายทางด้านการตลาด ด้านซัมซุงประเมินว่า การเข้าแย่งส่วนแบ่งในตลาดในครั้งนี้จะทำให้กำไรจากธุรกิจสมาร์ทโฟนจะพุ่งขึ้นสุงสุดในรอบ 4 ปี 

อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลสำคัญ คือความขัดแย้งระหว่างจีนและอินเดีย ทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนซัมซุงเพิ่มขึ้นสวนทางกับแบรนด์จีนอื่น ๆ เช่น Xiaomi อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 4 กำไรของ ซัมซุงอาจไม่เติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นเดียวกับไตรมาสที่ 3 จากที่ iPhone โมเดลใหม่มีกำหนดเปิดตัวภายในสิ้นปีนี้

อ่านต่อ

• Samsung รับอานิสงค์โควิด WFH หนุน Memory Chips ทำกำไรโต 26% ใน Q2 2020
• Huawei งานเข้า!! Samsung, LG โบกลา ไม่ซัพพลายจอภาพ