แนวโน้มราคาทองแดง 2564 รถอีวี - ยุคดิจิทัล ดันทองแดงราคาพุ่ง สูงสุดรอบ 11 ปี
♦ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ราคาทองแดงโลกได้ขยับขึ้นเป็นตันละ 10,190 ดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดรอบ 11 ปี
♦ สาเหตุหลักมาจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์
♦ หลายฝ่ายคาดการณ์ ปลายปีนี้ซัพพลายทองแดงจะเกินความต้องการ จากการเพิ่มการผลิตในจีน คองโก และอื่น ๆ ในช่วงที่ผ่านมา
Advertisement | |
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ราคาทองแดงได้พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนมีนาคม 2020 ราคาทองแดงใน London Metal Exchange ตกลงไปอยู่ที่ตันละ 4,300 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากโควิด อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวที่รวดเร็วในประเทศจีน ทำให้ราคาพุ่งกลับมาอยู่ที่ตันละ 6,600 ดอลลาร์ได้ภายในไม่กี่เดือน และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความต้องการทองแดงในอุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์ไฟฟ้า SUV Nissan Ariya
หนึ่งในสาเหตุที่ราคาทองแดงพุ่งสูง คือความต้องการจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นผลจากการที่หลายค่ายรถหันมามุ่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง โดยในรถยนต์เครื่องยนต์เบนซินทั่วไป จะมีการใช้ชิ้นส่วนจากทองแดงเฉลี่ยเป็นน้ำหนักที่ 20-30 กิโลกรัมต่อคัน แต่ในรถยนต์ไฟฟ้าจะมีการใช้ชิ้นส่วนทองแดงรวมถึง 80 กิโลกรัมต่อคัน
ในปี 2563 ที่ผ่านมายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในหลายประเทศ เช่น จีนที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบาย NEV (New Energy Vehicles) และมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 1.36 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่เยอรมนีมียอดขาย 1.9 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 3 เท่า และล่าสุดสหรัฐอเมริกา รัฐบาลไบเดนประกาศลงทุนด้านรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มถึง 1.74 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้คาดการณ์ได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมียอดขายมากขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลก
Japan Copper and Brass Association แสดงความเห็นต่อสถานการณ์นี้ว่า ในขณะที่ราคาทองแดงที่สูงขึ้นเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับผู้ผลิตวัสดุทองแดง แต่สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แล้ว เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องจับตามอง อย่างไรก็ตามพบว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ยังไม่มีท่าทีตอบสนองแต่อย่างใด
Mr. Masumi Kakinoki ประธานบริษัท Marubeni แสดงความเห็นว่า ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ส่งผลต่อความต้องการชิ้นส่วนทองแดงในยานยนต์เพียงอย่างเดียว แต่จะส่งผลไปถึงความต้องการไฟฟ้าโดยรวม อย่างไรก็ตาม ในยุคที่โลกพยายามลดการใช้ถ่านหินเช่นนี้จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ เข้ามาทดแทนมากขึ้น และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ก็จะยิ่งไปกระตุ้นความต้องการทองแดงให้มากขึ้นตามไปด้วย
Mitsubishi UFJ Research & Consulting เสริมว่า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์คืออีกปัจจัย การมาถึงของ 5G ทำให้แนวโน้มด้าน Digital Transformation แพร่หลายขึ้น นำมาซึ่งความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นเช่นเดียวกัน
ฟอล์ยทองแดง ชิ้นส่วนสำคัญสำหรับสมาร์ทโฟน
ผู้ผลิตทองแดงรายหนึ่งแสดงความเห็นว่า ราคาทองแดงอาจเริ่มลดลงในเดือนมิถุนายน 2564 เนื่องจากวิกฤตขาดแคลนชิปที่ทำให้หลายค่ายรถต้องลดกำลังการผลิตยานยนต์ลง และเสริมว่าหากราคาไม่ลดลงจริง ผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากโควิดย่อมไม่สามารถซื้อสินค้าที่มีราคาสูงขึ้นได้
อีกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด คือ สถานีชาร์จไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันพบกับความท้าทายในการพัฒนาสถานีชาร์จไฟที่มีความร้อนต่ำ ซึ่งหากราคาทองแดงยังคงสูงขึ้นต่อไป ก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าภาระจะไปตกที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนสถานีชาร์จ หรืออาจเป็นไปได้ว่าจะมีการพิจารณาเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการผลิตสถานีชาร์จก็เป็นได้
Advertisement | |
ปัจจุบัน ความต้องการทองแดงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศจีนที่มีตลาดขนาดใหญ่ทำให้มีแนวโน้มว่าราคาทองแดงจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคมที่กำลังจะถึงนี้มีงานฉลองครบรอบ 100 ปีกการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทำให้การลงทุนต่าง ๆ ในช่วงนี้เพิ่มสูงเป็นพิเศษ และเป็นไปได้ว่าจีนอาจชะลอการลงทุนลงหลังจากนี้ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ราคาทองแดงลดลงมาได้
นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผลจากการกระจายวัคซีนที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) และอาจมีมาตรการคุมเข้มต่อการเก็งกำไรทองแดง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ก็จะทำให้ราคาทองแดงลดลงมาได้อีกด้วย
International Copper Study Group (ICSG) ยังคาดการณ์ว่า ในปีนี้จะมีความต้องการทองแดงถึง 2.508 ล้านตัน แต่สถานการณ์การขาดแคลนทองแดงในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้มีการเพิ่มกำลังการผลิตทองแดงในจีน คองโก และประเทศอื่น ๆ จึงคาดการณ์ว่าในปี 2564 จะมีทองแดงเกินความต้องการถึง 7 หมื่นตัน
Naoki Hashimoto ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวางแผนและจัดการ บริษัท Sumitomo Metal Mining คาดการณ์ว่า ปีนี้ทองแดงจะมีราคาเฉลี่ยที่ตันละ 7,800 ดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงสิ้นปี ซัพพลายทองแดงที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาตกลงมาอยู่ที่ตันละ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ
สถานการณ์วัตถุดิบอื่น ๆ
นอกจากทองแดงแล้ว วัสดุอื่น ๆ ก็ต่างมีการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงนี้เช่นเดียวกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- น้ำมันดิบ ในปีก่อนมีราคาลดลงอย่างต่อเนื่องจากความต้องการเดินทางที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบได้เริ่มมีการปรับขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 จากการประกาศวัคซีน และกลับมามีราคาสูงกว่าก่อนการระบาดของโควิดถึง 33% ได้ในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา
- เหล็ก ในปีนี้มีราคาเพิ่มขึ้นจากปลายปี 2563 มากถึง 27% สืบเนื่องจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศจีนที่ก่อให้เกิดความต้องการเหล็กเป็นอย่างมาก
- อะลูมิเนียม ราคาสูงสุดในรอบ 3 ปี สืบเนื่องจากความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ในจีน และสหรัฐอเมริกาที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยราว 27%
สรุปแนวโน้มราคาทองแดง 2564
ราคาทองแดงล่าสุดเมื่อ 7 พ.ค. 64 ปรับขึ้นไปอยู่ที่ตันละ 10,190 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 11 ปี คาดว่า ตลอดปี 2564 นี้ทองแดงจะมีราคาเฉลี่ยที่ตันละ 7,800 ดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงสิ้นปี ราคาทองแดงจะตกลงมาอยู่ที่ตันละ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ชมคลิปข่าว : เปิดแผนยุทธศาสตร์ยานยนต์ไฟฟ้าไทย จะเกิดอะไรขึ้นอีก 10 ปีข้างหน้า