‘วิกฤตพลังงาน’ กระทบ ‘อุตสาหกรรมโลหะยุโรป’ หยุดชะงัก

อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 2565

สมาคมโลหะนอกกลุ่มเหล็กแห่งยุโรปเรียกร้องสหภาพยุโรปช่วยเหลือ หลังวิกฤตพลังงานในอียูกระทบกำลังการผลิตโลหะหลายชนิดต่อเนื่องมาแล้วกว่า 12 เดือน

ติดตาม 'วัตถุดิบ' ราคาพุ่ง หลังจีนเจอวิกฤตขาดแคลนพลังงาน

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2022 สมาคมโลหะนอกกลุ่มเหล็กแห่งยุโรป (Eurometaux) ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนาง Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ระบุว่า อุตสาหกรรมโลหะยุโรปได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนพลังงานยาวนานต่อเนื่องมาแล้ว 12 เดือน ทำให้กำลังการผลิตอะลูมิเนียมและสังกะสีราว 50% ของยุโรปหยุดชะงัก และแสดงความต้องการให้สหภาพยุโรปสนับสนุนธุรกิจที่กำลังยากลำบาก

ไม่ใช่แค่เพียงอะลูมิเนียมและสังกะสีเท่านั้น แต่โลหะชนิดอื่นก็ได้รับผลกระทบจนต้องลดกำลังการผลิตเช่นกัน ได้แก่ ซิลิคอน เฟอโรอัลลอย ทองแดง และนิกเกิล ซึ่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โรงหลอมโลหะหลายรายต้องประกาศปิดเตาหลอมโดยไม่มีกำหนด อีกทั้งประสบปัญหาจากค่าไฟและค่าแก๊ซที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่าเมื่อเทียบจากปีที่แล้วจนทำให้ต้นทุนสูงกว่าราคาขาย

Advertisement

สมาคมฯ แสดงความเห็นว่า ปัจจุบันยุโรปกำลังก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาด แต่การเปลี่ยนผ่านนี้ต้องการวัตถุดิบปริมาณมาก ทั้งโลหะฐาน โลหะแบตเตอรี่ ไปจนถึงเทคโนโลยีทั้งรถยนต์ไฟฟ้า กังหันลม เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์

ด้วยเหตุนี้ ทางสมาคมฯ จึงต้องการให้สหภาพยุโรปเข้าช่วยเหลือ เนื่องจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงสวนทางกับการใช้งานถ่านหินที่ลดลง ทำให้สมาคมเล็งเห็นว่าอียูอาจไม่สามารถทำตามเป้าหมายด้านพลังงานและวัตถุดิบได้ รวมถึงอาจต้องนำเข้าโลหะมากยิ่งขึ้น

จดหมายของสมาคมฯ ระบุว่า การผลิตของจีนมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่ายุโรปเป็นอย่างมาก โดยการผลิตสังกะสีปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่า 2.5 เท่า ในขณะที่การผลิตอะลูมิเนียมปล่อยก๊าซมากกว่า 2.8 เท่า และซิลิคอนมากกว่า 3.8 เท่า ซึ่งปัจจุบันยุโรปนำเข้าอะลูมิเนียมจากจีนเทียบเท่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วมากถึง 6-12 ล้านตัน

ด้วยเหตุนี้ สมาคมฯ จึงเสนอให้สหภาพยุโรปวางกรอบวงเงิน 50 ล้านยูโรแก่ประเทศในสหภาพยุโรปใช้เยียวยาบริษัทที่กำลังประสบปัญหา รวมถึงให้การสนับสนุนการจำกัดภาษีและค่าธรรมเนียมพิเศษเกี่ยวกับพลังงานและก๊าซ และสร้างกองทุนบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินสำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง

โดยจดหมายฉบับนี้ ได้รับการลงนามจากบริษัทโลหะในอียูรวมทั้งสิ้น 39 บริษัท และสมาคมที่เกี่ยวข้องอีก 8 สมาคมด้วยกัน

ในอีกซีกโลกอย่างญี่ปุ่นและจีนก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตพลังงานเช่นกัน