ประเทศ EU บรรลุข้อตกลง ‘แบนรถน้ำมัน’ ปี 2035 เว้น ‘ไฮบริด’ รอประเมิน
ประเทศในสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงการยุติการจำหน่ายรถยนต์ใช้น้ำมันในปี 2035 โดยค้างประเด็น ‘รถไฮบริด’ รอประเมินอีกครั้งในปี 2026 พร้อมตั้งกองทุน 5.9 หมื่นล้านลดผลกระทบผู้มีรายได้น้อย
การประชุมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2022 มีรัฐมนตรีจาก 27 ประเทศสมาชิกเข้าร่วมประชุมในฐานะคณะกรรมธิการยุโรป ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของอียู โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 16 ชั่วโมง เพื่อบรรลุข้อตกลงให้การสนับสนุนกฎเกณฑ์ด้านสภาพอากาศที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งจะกำจัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากรถยนต์ใหม่ตั้งแต่ปี 2035 ซึ่งนั่นหมายถึง “การยุติการจำหน่ายรถยนต์ใช้น้ำมัน” นโนบายดังกล่าวถูกนำเสนอและดำเนินการร่างกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา
โดยท่าทีของอิตาลี สโลวาเกีย และประเทศอื่น ๆ ได้แสดงความต้องการให้เลื่อนไทม์ไลน์ออกไปเป็นปี 2040 แต่ในที่สุดก็ตกลงยอมรับข้อตกลงหลังเยอรมนีเสนอให้มีการประเมินผลอีกครั้งในปี 2026 ว่ารถไฮบริดเป็นเป้าหมายที่ยอมรับได้หรือไม่ในการลดการปล่อยก๊าซ โดยให้บรัสเซลส์เป็นประเทศที่รับผิดชอบการประเมินในครั้งนี้
Advertisement | |
นอกจากนี้ อียูจะมีการจัดตั้งกองทุนมูลค่ารวม 5.9 หมื่นล้านยูโร เพื่อสนับสนุนประชนชารายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ในช่วงปี 2027 - 2032 อย่างไรก็ตาม ลิทัวเนียเป็นประเทศเดียวที่ไม่ยอมรับมตินี้เนื่องจากมีความเห็นว่ากองทุนนี้มีจำนวนเงินน้อยเกินไป ด้านฟินแลนด์ เดนมาร์ก และเนเธอร์แลนด์ต้องการปรับลดขนาดกองทุนลง ส่วนโปแลนด์และลัทเวียแสดงความเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานของประชาชนในประเทศ
โดยอียูจะจัดตั้งกองทุนมูลค่ารวม 5.9 หมื่นล้านยูโรเพื่อสนับสนุนประชนชารายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ในช่วงปี 2027 - 2032 อย่างไรก็ตาม ลิทัวเนียเป็นประเทศเดียวที่ไม่ยอมรับมตินี้เนื่องจากมีความเห็นว่ากองทุนนี้มีจำนวนเงินน้อยเกินไป ด้านฟินแลนด์ เดนมาร์ก และเนเธอร์แลนด์ต้องการปรับลดขนาดกองทุนลง ส่วนโปแลนด์และลัทเวียแสดงความเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานของประชาชนในประเทศ
ซึ่งในวันเดียวกันนี้เอง Volkswagen ได้แสดงความเห็นว่า การแบนรถยนต์ใช้น้ำมันภายในปี 2035 เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก แต่อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดคือแบตเตอรี่ โดยนาย Arno Antlitz ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน Volkswagen ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า การเพิ่มกำลังผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องยากแต่เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มกำลังผลิตแบตเตอรี่ในซัพพลายเชนเป็นเรื่องยากกว่า
ไม่ใช่แค่การเพิ่มกำลังการผลิตแบตเตอรี่เท่านั้น แต่วัสดุที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่เองก็เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น นาย Carlos Tavares CEO บริษัท Stellantis ซึ่งได้คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะประสบปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าขาดตลาดในช่วงปี 2024 - 2025 เนื่องจากกำลังการผลิตรถอีวีที่เพิ่มขึ้นนั้นเติบโตรวดเร็วกว่าการก่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่ ในขณะที่หลายค่ายรถยุโรปได้เร่งลงทุนด้านแบตเตอรี่ตั้งแต่ปี 2021 เนื่องจากกังวลถึงความเป็นไปได้ที่วัตถุดิบสำหรับผลิตแบต เช่น ลิเธียม นิกเกิล โคบอลต์ และอื่น ๆ จะขาดตลาด
#EU #EV #รถยนต์ไฟฟ้า #รถไฮบริด #Mreport #onlinecontent #ข่าวอุตสาหกรรม
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- 10 ตัวอย่างที่นำ 5G มาใช้งานได้อย่างน่าสนใจและประสบผลสำเร็จ
- เทคโนโลยีแห่ง G สู่ 5G เครือข่ายไร้สาย
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคืออะไร ตลาดจะก้าวไปในทางไหนในปี 2030?
- เทคโนโลยีสำหรับโลจิสติกส์ ทางเลือกสู่ทางรอด ปรับก่อนโดนเบียด
- นิยามใหม่ SME ใช้ “รายได้” เป็นตัวกำหนด
- ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ปี 2564
- กลยุทธ์การ PR และ Communication ในยุคดิจิทัล
- ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน เจาะลึกตู้สินค้าหายไปไหน?
- เทรนด์การทำงานในอนาคต หลังไทยติดโควิด นานเกือบสองปี!
- FTA ไทย มีกี่ประเทศ พอหรือไม่ ทำไมต้องคิดเรื่อง CPTPP
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH